HoonSmart.com>>หุ้นสัปดาห์นี้ลุ้นขึ้นทดสอบ 1,300 จากปัจจัยบวกเฟดส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ยเดือนก.ย.นี้ดัน 3 ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งแรง ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 846 จุด สูงสุดเป็นประวัติการณ์ บล.หยวนต้าคาดดีต่อ Emerging Market ส่วนปัจจัยในประเทศ งาน Thailand Focus กระหึ่มสร้างความเชื่อมั่นสถาบันไทยและต่างประเทศ การเมืองยังไม่ชัวร์ ศาลยกฟ้องคดี ม.112 “ทักษิณ” จับตาคดีคลิปเสียง “ฮุน เซน”ชี้อนาคตรัฐบาล นักลงทุนลุยหุ้นใหญ่ จุดพลุ THAI อีกรอบ ราคามี Gap ให้เก็งกำไร
วันที่ 22 ส.ค. 2568 ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 45,631.74 จุด เพิ่มขึ้น 846.24 จุด หรือ +1.89% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 6,466.91 จุด เพิ่มขึ้น 96.74 จุด, +1.52% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 21,496.54 จุด เพิ่มขึ้น 396.22 จุด, +1.88% รวมถึงราคาบิทคอยน์ และทองคำปรับตัวขึ้นแรง หลังจาก เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณในการประชุมประจำปีที่แจ็คสัน โฮลว่า เฟดอาจเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงิน ส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงในเดือนก.ย.ที่จะถึงนี้
ประธานเฟดกล่าวสุนทรพจน์ว่า “แนวโน้มพื้นฐานและความเสี่ยงที่เปลี่ยนแปลงไปอาจทำให้จำเป็นต้องปรับจุดยืนนโยบายของเรา”
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) วิเคราะห์ว่า ประธานเฟดแถลงเปิดโอกาสการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต แม้ตลาดแรงงานยังดีและเศรษฐกิจมีความยืดหยุ่น แต่ความเสี่ยงด้านลบเริ่มมีน้ำหนักมากขึ้น ขณะที่ภาษีการค้าของสหรัฐฯมีโอกาสกระตุ้นภาวะ Stagflation ซึ่งอาจเป็นข้อจำกัดในการผ่อนคลายนโยบายการเงินในอนาคตได้เช่นกัน
โอกาสในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย -0.25% เหลือ 4.25% ในการประชุมครั้งถัดไปวันที่ 17 ก.ย. ของ FedWatch เพิ่มขึ้นเป็น 89% จาก 75% ในวันก่อนหน้า ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้นเฉลี่ย +1.7%, Dollar Index -1%, และ US Bond Yield อายุ 10 ปี -8 bps. คาดเป็นปัจจัยบวกต่อ Emerging Market สัปดาห์หน้า ขณะที่ เงินบาทแข็งค่า 0.7% และ iShares MSCI Thailand +2%
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกในประเทศหนุนหุ้นสัปดาห์นี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดงาน Thailand Focus 2025: Beyond the Challenges ก้าวข้ามความท้าทายสู่โอกาสลงทุนใหม่ 27-29 ส.ค.2568 โดยมี ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังกล่าวเปิดงาน และปาฐกถาพิเศษ: “Policy & Markets: Building Confidence in Thailand’s Investment Climate”(นโยบายและกลไกตลาด: ปลุกความเชื่อมั่นการลงทุนไทย)
ตามด้วยการเสวนา “Thailand’s Competitiveness & Investment Outlook”(ศักยภาพการแข่งขันและทิศทางการลงทุนประเทศไทย) โดยนายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ดร.ชวพล จริยาวิโรจน์ ประธานบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) และเสวนาอีกหลายเรื่องที่น่าสนใจ
นอกจากนี้ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนจากหลากหลายอุตสาหกรรม ยังมีการนำเสนอศักยภาพธุรกิจและทิศทางการเติบโต ผ่านการประชุมทั้งในรูปแบบ Group Meetings และ One-on-One สร้างโอกาสการเชื่อมโยงระหว่างผู้ประกอบการกับนักลงทุนสถาบันทั่วโลก โดยมีนักลงทุนสถาบันชั้นนำจากไทยและต่างประเทศเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง ปลุกความเชื่อมั่นและมีข้อมูลประกอบการพิจารณาเพิ่มการลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น
ส่วนกรณีศาลอาญาพิพากษายกฟ้องคดี ม.112 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2568 ที่ผ่านมา บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง มองว่าช่วยลดความกังวลทางการเมืองและช่วยหนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ แนะนำทยอยสะสมหุ้นที่เป็นเป้าหมายของต่างชาติ ได้แก่ ADVANC,GULF,SCB,CPALL และ BDMS
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยการเมืองยังมีความไม่แน่นอน และนักลงทุนมีโอกาสชะลอการลงทุน เพื่อรอศาลรัฐธรรมนูญแถลงปิดคดีคลิป “ฮุน เซน” “วันที่ 25 ส.ค.นี้ และตัดสินวันที่ 29 ส.ค.นี้ ว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ที่ถูกร้องว่ามีความผิดตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ผลจะออกมาในทางลบ หรือทางบวก ซึ่งจะมีผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาล และนโยบายเศรษฐกิจของประเทศ
แหล่งข่าวกล่าวว่า ตลาดหุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อในสัปดาห์นี้ จากปัจจัยบวกทั้งในและต่างประเทศที่เข้ามารวมถึงแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักต่อการผลักดัชนี SET ขึ้นแตะ 1,300 ได้ เห็นได้จากนักลงทุนรายใหญ่เริ่มหันกลับมาเก็งกำไรหุ้นบริษัทการบินไทย (THAI) อีกครั้ง ทำให้ราคาหุ้นพลิกปรับตัวขึ้นแรงวันแรกในรอบ 6 วันทำการ ปิดที่ 12.90 บาท บวก 0.90 บาทหรือ +7.50% ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายมากถึง 4,295.25 ล้านบาท เพราะเห็นส่วนต่างราคา (Gap)ให้เล่น จากราคาที่ร่วงลงไปแตะ 12 บาท เทียบกับราคาที่ดีดขึ้นสูงสุดที่ 19.40 บาทก่อนปิดที่ 17.80 บาท เมื่อวันที่ 14 ส.ค.2568 ที่ผ่านมา ขณะที่หุ้นการบินไทยไม่สามารถทำชอร์ตเซลได้ และปริมาณหุ้นหมุนเวียนในตลาดต่ำ ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่ดีขึ้น ทำให้ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นด้วยแรงซื้อเข้ามาหนาแน่น
นอกจากนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวขึ้นแรง นำโดย HANA และ DELTA ผลักดันให้ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,253.39 จุด บวก 8.60 จุด หรือ +0.69% มูลค่าซื้อขายรวม 37,999.28 ล้านบาท ขณะที่มีการขายหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีที่พุ่งแรงก่อนหน้านี้ นักลงทุนสลับกลุ่มเก็งกำไร และคาดว่าเฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยลงจะส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ตาม จะต้องติดตามความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลง ท่ามกลางนักลงทุนต่างชาติยังคงขายหุ้นไทยจำนวน 1,699.90 ล้านบาท สวนทางนักลงทุนไทย สถาบันซื้อ 889.84 ล้านบาท รายย่อยซื้อด้วย 723.17 ล้านบาท และพอร์ตบล.ตามอีก 86.89 ล้านบาท เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
