HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯทั้ง 3 ดัชนีหลักบวก ดาวโจนส์พุ่ง 483 จุด ส่วนดัชนี S&P 500 ควง Nasdaq ปิดตลาดทำสถิติสูงสุดใหม่ หลังรายงานเงินเฟ้อต่ำกว่าคาด เปิดทางให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ย ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ปรับตัวลดลง ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 12 สิงหาคม 2568 ปิดที่ 44,458.61 จุด เพิ่มขึ้น 483.52 จุด หรือ +1.10% ขณะที่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปิดตลาดทำสถิติสูงสุดใหม่ หลังรายงานเงินเฟ้อล่าสุดเปิดทางให้ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,445.76 จุด เพิ่มขึ้น 72.31 จุด, +1.13% เป็นการปิดที่ระดับสูงกว่า 6,400 จุดครั้งแรกในรอบ 2 ปี
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 21,681.90 จุด เพิ่มขึ้น 296.50 จุด, +1.39%
รายงานอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาด ชี้ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่เฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า
ข้อมูลเงินเฟ้อฉบับใหม่ในวันอังคารสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนที่เกรงว่านโยบายภาษีศุลกากรที่เก็บในวงกว้างของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจทำให้ราคาในสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้น ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป(CPI)ในเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่ Dow Jones คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 2.8% ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่ผันผวน เพิ่มขึ้น 3.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งสูงกว่า 3% ที่คาดการณ์ไว้ เล็กน้อย
ความคาดหวังต่อการลดอัตราดอกเบี้ยพุ่งสูงขึ้นหลังรายงาน ขณะนี้นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 94% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า ตามข้อมูลเครื่องมือ FedWatch ของ CME ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 85% ก่อนการเปิดเผยข้อมูล นอกจากนี้ นักลงทุนยังให้โอกาสเพิ่มขึ้นต่อการลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนตุลาคมและธันวาคมอีกด้วย
หุ้นเล็ก ซึ่งถูกมองว่าได้รับประโยชน์อย่างมากจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้นที่ลดลง เป็นผู้นำในการพุ่งขึ้น โดยดัชนี Russell 2000 เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าของดัชนี S&P 500
ในช่วงปลายสัปดาห์นี้ยังมีการรายงานข้อมูลภาวะเศรษฐกิจอีกสองชุด โดยจะมีการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิตในวันพฤหัสบดี และข้อมูลยอดค้าปลีกในวันศุกร์ นอกจากนี้นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่แจ็คสันโฮลในช่วงปลายเดือนสิงหาค
หุ้น Intel พุ่งขึ้นกว่า 5% หลังจากที่ซีอีโอ ลิปบู ตัน ได้พบกับทรัมป์ ซึ่งเพิ่งเรียกร้องให้นายตันลาออกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังการประชุม ทรัมป์ได้โพสต์ข้อความลงใน Truth Social ว่าการประชุมครั้งนี้ น่าสนใจมาก
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก จากมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับการสงบศึกภาษีระหว่างสหรัฐฯ-จีน และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) แต่การปรับขึ้นถูกจำกัดด้วยการลดลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่
นักลงทุนคลายกังวลหลังจากที่สหรัฐฯและจีนขยายเวลาการสงบศึกภาษีออกไปอีก 90 วัน ส่งผลให้อัตราภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกันในเลขสามหลักยังไม่มีผลจนถึงวันที่ 10 พฤศจิกายน
ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 547.89 จุด เพิ่มขึ้น 1.13 จุด, +0.21%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,147.81 จุด เพิ่มขึ้น 18.10 จุด, +0.20%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,753.42 จุด เพิ่มขึ้น 54.90 จุด, +0.71%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,024.78 จุด ลดลง 56.56 จุด, -0.23%
หุ้นส่วนใหญ่ในดัชนี STOXX 600 ปรับตัวสูงขึ้น นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานที่เพิ่มขึ้น 1.5% ขณะที่หุ้น Vestas Wind Systems ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.7% เหนือกว่าหุ้นกลุ่มเดียวกัน หลังจากได้รับคำสั่งซื้อจากสหรัฐฯ สำหรับโครงการที่ไม่เปิดเผย
หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ร่วงลง 2.1% สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มซอฟต์แวร์ที่ร่วงลงอย่างหนัก จากความกังวลว่าปัญญาประดิษฐ์ (AI) อาจทำให้กลุ่มเทคโนโลยีนี้อ่อนแอลง
หุ้น SAP ร่วงลง 7% หุ้น Nemetschek SE ร่วงลง 11% และเป็นหุ้นที่ปรับตัวลดลงมากที่สุดในดัชนี หุ้นทั้งสองตัวปรับลดลงมากที่สุดในวันเดียวนับตั้งแต่ปี 2020
ดัชนี DAX ของเยอรมนีลดลง 0.2% หลังดัชนีความเชื่อมั่นในเดือนสิงหาคมของนักลงทุนเยอรมนีลดลงมากกว่าที่คาดไว้
ตลาดยังจับตาการประชุมระหว่างประธานาธิบดโดนับด์ ทรัมป์และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียในวันศุกร์เกี่ยวกับสงครามในยูเครน ทรัมป์กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่าทั้งยูเครนและรัสเซียจะต้องยอมคืนพื้นที่เพื่อยุติสงคราม
ผู้นำยุโรปและประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครนวางแผนที่จะพูดคุยกับทรัมป์ในวันพุธ ท่ามกลางความกังวลว่าสหรัฐอาจกำหนดเงื่อนไขสันติภาพที่ไม่เป็นผลดีต่อยูเครน
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกันยายนลดลง 79 เซนต์ หรือ 1.24% ปิดที่ 63.17 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลและราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนตุลาคมลดลง 51 เซนต์ หรือ 0.77% ปิดที่ 66.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

