HoonSmart.com>>ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ 64 จุด สวนทางดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ขยับขึ้นเล็กน้อย ท่ามกลางการซื้อขายค่อนข้างเงียบเหงา นักลงทุนมองข้ามข้อตกลงการค้าที่ประกาศระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป จับตาผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ในสัปดาห์หน้า,ประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ,รายงานข้อมูลเศรษฐกิจ และเส้นตาย 1 ส.ค. ข้อตกลงทางการค้า ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 2% ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ปิดที่ 44,837.56 จุด ลดลง 64.36 จุด หรือ -0.14% ส่วนดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ขยับขึ้นเล็กน้อย ท่ามกลางการซื้อขายที่ค่อนข้างเงียบเหงา เนื่องจากนักลงทุนมองข้ามข้อตกลงการค้าที่ประกาศระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ขณะที่เตรียมพร้อมกับสัปดาห์ที่เต็มไปด้วยผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ การรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ และเส้นตายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในวันที่ 1 สิงหาคม ในการบรรลุข้อตกลงทางการค้าที่สำคัญ
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,389.77 จุด เพิ่มขึ้น 1.13 จุด, +0.02%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 21,178.58 จุด เพิ่มขึ้น 70.27 จุด, +0.33%
สหรัฐฯ และสหภาพยุโรปบรรลุข้อตกลงที่ลดอัตราภาษีสินค้าจากยุโรปไว้ที่ 15% เทียบกับ 30% ที่ถูกขู่ไว้ ทรัมป์เรียกข้อตกลงนี้ว่า “ใหญ่ที่สุดในบรรดาข้อตกลงทั้งหมด” ขณะที่ผู้นำสหภาพยุโรปให้ความเห็นที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
ในเวลาเดียวกัน ความหวังสำหรับการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และจีนในกรุงสตอกโฮล์มก็เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งมีรายงานว่าอาจขยายการสงบศึกด้านภาษีศุลกากรออกไปอีกสามเดือนจากกำหนดเส้นตายเดิมในวันที่ 12 สิงหาคม
นักลงทุนกำลังจับจ้องไปที่สัปดาห์ที่คึกคักทั้งจากการรายงานผลประกอบการ โดยมีบริษัทในดัชนี S&P 500 กว่า 150 แห่งเตรียมรายงานผลประกอบการ Meta Platforms และ Microsoft กำหนดเผยแพร่ในวันพุธ ตามด้วย Amazon และ Apple ในวันพฤหัสบดี นักลงทุนรอฟังความเห็นของบริษัทต่างๆ เกี่ยวกับการใช้จ่ายด้าน AI เพื่อประเมินว่าการลงทุนครั้งใหญ่ปีนี้มีความสมเหตุสมผลหรือไม่
นอกจากผลประกอบการแล้ว ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเริ่มต้นการประชุมนโยบายการเงินในวันอังคารนี้ โดยคาดว่าจะมีการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยในวันพุธ แม้คาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.25%-4.50% แต่สัญญาณบ่งชี้ว่าผู้กำหนดนโยบายกำลังเตรียมพร้อมที่จะลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนก็ยังคงมีอยู่
ด้านข้อมูลเศรษฐกิจ ในวันพฤหัสบดีจะประกาศ ดัชนีการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ ซึ่งคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยทั้งรายเดือนและรายปี
ข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆ ที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ ได้แก่ การสำรวจการเปิดงานและอัตราการลาออกของแรงงาน (JOLTS) ในวันอังคาร รายงานการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ในวันพุธ และรายงานการขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ในวันพฤหัสบดี
ในวันศุกร์ นักลงทุนเตรียมวิเคราะห์รายงานการจ้างงานที่สำคัญประจำเดือนกรกฎาคม นักวิเคราะห์คาดว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 102,000 ตำแหน่งในเดือนกรกฎาคม ลดลงจาก 147,000 ตำแหน่งในเดือนมิถุนายน และยังมีข้อมูลการจ้างงานผ่านรายงาน JOLTS รายงานการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ด้วย
วันศุกร์นี้ยังเป็นเส้นตายที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กำหนดให้คู่ค้าเริ่มชำระภาษีศุลกากร
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทรัมป์กล่าวว่าอัตราภาษีพื้นฐานทั่วโลกสำหรับประเทศที่ยังไม่ได้เจรจาใหม่กับสหรัฐฯ น่าจะอยู่ระหว่าง 15% ถึง 20%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ การซื้อขายผันผวนเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนกำลังประเมินผลกระทบของกรอบข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป
ดัชนี STOXX 600 ของยุโรปพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 4 เดือน หลังจากการเจรจาที่ยืดเยื้อได้ข้อสรุปในเบื้องต้นว่าสหรัฐฯ จะจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าส่วนใหญ่ของสหภาพยุโรปในอัตรา 15% ซึ่งลดลงอย่างมากจากอัตรา 30% ที่ก่อนหน้านี้เคยถูกขู่ไว้
อย่างไรก็ตาม ดัชนีปิดตลาดลดลง 0.2% เนื่องจากข้อตกลงดังกล่าวได้ดับความหวังที่จะบรรลุข้อตกลงแบบศูนย์ต่อศูนย์ และอัตราเฉลี่ยในปีที่แล้วที่ประมาณ 2.5%
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 548.76 จุด ลดลง 1.19 จุด, -0.22%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,081.44 จุด ลดลง 38.87 จุด, -0.43%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,800.88 จุด ลดลง 33.70 จุด, -0.43%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,970.36 จุด ลดลง 247.14 จุด, -1.02%
ลาเล อโคเนอร์ นักวิเคราะห์ตลาดโลกของ eToro กล่าวว่า แม้ว่าภาษีนำเข้าสินค้าส่วนใหญ่ของสหภาพยุโรปที่ 15% จะต่ำกว่าระดับ 30% แต่ก็ยังเป็นการพุ่งสูงขึ้นอย่างมากจากระดับก่อนปี 2025 ที่สินค้าหลายรายการเจอภาษีนำเข้าต่ำกว่า 3% และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
หุ้นที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์เป็นหนึ่งในหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมหลักที่ลดลงมาก โดยลดลง 1.7% ภาษีศุลกากรพื้นฐานทำให้อัตราภาษีสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ลดลงจาก 27.5ก่อนหน้านี้
หุ้นสุรา Pernod Ricard และ Anheuser-Busch inBev ลดลง 3.5% และ 3.6% ตามลำดับ เนื่องจากข้อตกลงการค้าไม่ได้มีการตัดสินใจใดๆ เกี่ยวกับภาคอุตสาหกรรมสุรา
หุ้น Heineken ผู้ผลิตเบียร์เนเธอร์แลนด์ร่วงลงมากที่สุดในดัชนีอ้างอิง โดยลดลง 8.5% หลังจากที่บริษัทระบุว่ากำลังพิจารณาทางเลือกทั้งหมดเพื่อรับมือกับความท้าทายด้านภาษีที่เพิ่มขึ้นในระยะยาว รวมถึงการย้ายฐานการผลิต
ข้อตกลงยังระบุว่าประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปจะซื้อยุทโธปกรณ์จากสหรัฐฯ โดยไม่ได้ระบุจำนวนที่แน่นอน ดัชนีกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศปิดตลาดลดลง 1.3% ในทางกลับกัน หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.1% เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นหลังจากข้อตกลงการค้า
หุ้นเทคโนโลยีปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.6% ขณะที่ ASML ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์อุปกรณ์ผลิตชิปคอมพิวเตอร์รายใหญ่ที่สุดของโลก เพิ่มขึ้น 4.9% จากการคาดการณ์ว่าภาคส่วนนี้อาจได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า ส่วนภาคเฮลธ์แคร์เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน
ในสัปดาห์นี้นักลงทุนจับตาหลายเหตุการณ์ ซึ่งรวมถึงการตัดสินใจด้านนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และธนาคารกลางญี่ปุ่น ผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยี
“Magnificent Seven” อย่าง Apple และ Microsoft และกำหนดเส้นตายการบังคับใช้ภาษีนำเข้าในวันที่ 1 สิงหาคม
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 1.55 ดอลลาร์ หรือ 2.38% ปิดที่ 66.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกันยายน ก.ย. เพิ่มขึ้น 1.6 ดอลลาร์ หรือ 2.34% ปิดที่ 70.04 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
