ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 507 จุด หวังสหรัฐฯบรรลุข้อตกลงการค้าเพิ่มเติม

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดบวก ดัชนีดาวโจนส์พุ่ง 507 จุด ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq เดินหน้าทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แรงหนุนจากความหวังสหรัฐฯ จะบรรลุข้อตกลงเพิ่มเติมได้ก่อนถึงกำหนดเส้นตายภาษีศุลกากรที่ใกล้เข้ามา หลังบรรลุข้อตกลงญี่ปุ่นแล้ว นักลงทุนยังเตรียมรับผลประกอบการของ Tesla และ Alphabet หลังปิดตลาด ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ลดลงเล็กน้อย ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 22 กรกฎาคม 2568 ปิดที่ 45,010.29 จุด เพิ่มขึ้น 507.85 จุด หรือ +1.14% ส่วนดัชนี S&P 500 และ Nasdaq เดินหน้าทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้วยแรงหนุนจากความหวังมากขึ้นว่าสหรัฐฯ จะสามารถบรรลุข้อตกลงเพิ่มเติมได้ก่อนถึงกำหนดเส้นตายภาษีศุลกากรที่ใกล้เข้ามา หลังสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงการค้ากับญี่ปุ่น ขณะที่นักลงทุนเตรียมรับผลประกอบการของ Tesla และ Alphabet หลังปิดตลาด

ดัชนี S&P500 ปิดที่ ,358.91 จุด เพิ่มขึ้น 49.29 จุด,+0.78%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 21,020.02 จุด เพิ่มขึ้น 127.33 จุด, +0.61% เป็นการปิดเหนือระดับ 21,000 จุดเป็นครั้งแรก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์โพสต์บน Truth Social เมื่อคืนวันอังคารว่า สหรัฐฯ ได้บรรลุข้อตกลงครั้งใหญ่กับญี่ปุ่นแล้ว ซึ่งครอบคลุมภาษี reciprocal tariffs อัตรา 15% สำหรับสินค้าส่งออกของญี่ปุ่นไปยังสหรัฐฯ ทรัมป์ยังกล่าวอีกว่าสหรัฐฯ กำลังหารือกับเจ้าหน้าที่ยุโรปเพื่อผลักดันให้บรรลุข้อตกลงการค้ากับสหภาพยุโรป

ตลาดได้รับแรงหนุน จากไฟแนนเชียลไทมส์รายงานว่าสหรัฐฯ ใกล้บรรลุข้อตกลงภาษีนำเข้า 15% กับสหภาพยุโรป โดยระบุว่าข้อตกลงดังกล่าวจะสอดคล้องกับข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่น บลูมเบิร์กยังยืนยันความคืบหน้าระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป โดยอ้างอิงข้อมูลจากนักการทูตที่ได้รับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับการเจรจา

นอกจากนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สก็อตต์ เบสเซนต์ ก็มีความก้าวหน้าในการเจรจากับจีน

นักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่าหากอัตราภาษีศุลกากรเฉลี่ยอยู่ที่ 15% ก็เป็นระดับที่สามารถบริหารจัดการได้สำหรับเศรษฐกิจโลกและจำกัดความเสียหาย

สหรัฐฯ กำลังหาทางที่จะบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับประเทศอื่นๆ ก่อนกำหนดเส้นตายวันที่ 1 สิงหาคม เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำเนียบขาวเปิดเผยว่าสหรัฐฯ และอินโดนีเซียได้ตกลงตามกรอบข้อตกลงทางการค้าแล้ว ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงทางการค้าอื่นๆ อีกหลายฉบับที่สหรัฐฯ ได้บรรลุกับประเทศอื่นๆ รวมถึงจีนและสหราชอาณาจักร

นักลงทุนกำลังรอผลประกอบการจาก Alphabet และ Tesla หลังตลาดปิดทำการ ซึ่งเป็นรายงานแรกในฤดูกาลผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ในกลุ่ม Magnificent Seven ที่ได้รับการจับตาอย่างใกล้ชิดเนื่องจากเป็นผู้นำตลาดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

หุ้น Tesla เพิ่มขึ้น 0.14% หุ้น Alphabet ลดลง 0.58% ก่อนรายงานผลประกอบการ

หุ้น Nvidia เพิ่มขึ้น 2.25%

หุ้น GE Vernova พุ่งขึ้น14.6% หลังจากที่บริษัทได้ปรับเพิ่มประมาณการผลประกอบการทั้งปี เนื่องจากความต้องการพลังงานที่แข็งแกร่งช่วยลดผลกระทบจากมาตรการขึ้นภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสองเดือนมิถุนายนจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติ (NAR) ที่ลดลง 2.7% เมื่อเทียบรายเดือน มาที่ 3.93 ล้านยูนิตใน และต่ำกว่า 4.00 ล้านยูนิตที่นักวิเคราะห์คาด

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ นำโดยบริษัทรถยนต์ ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปอาจะตกลงกันได้ ซึ่งจะบรรเทาผลกระทบจากภาษีนำเข้าที่ส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ

มีรายงานอ้างนักการทูตสหภาพยุโรปว่าสหภาพยุโรปและวอชิงตันกำลังเดินหน้าสู่ข้อตกลงทางการค้า ที่ครอบคลุมการเก็บภาษีนำเข้าสินค้ายุโรปขั้นพื้นฐานของสหรัฐฯ 15% ซึ่งต่ำกว่าระดับที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ของสหรัฐฯ ขู่ไว้ครึ่งหนึ่ง

การเจรจาระหว่างสองประเทศล่าช้าในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา และนักลงทุนคาดหวังที่จะเห็นการบรรลุข้อตกลงก่อนกำหนดเส้นตายวันที่ 1 สิงหาคม คณะกรรมาธิการยุโรปวางแผนที่จะเปิดเผยมาตรการตอบโต้ภาษี หากการเจรจาล้มเหลว

ตลาดหุ้นหลักในภูมิภาค ทั้งเยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี ต่างปรับเพิ่มขึ้นกว่า 1.3%

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 550.22 จุด เพิ่มขึ้น 5.88 จุด, +1.08%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,061.49 จุด เพิ่มขึ้น 37.68 จุด, +0.42%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,850.43 จุด เพิ่มขึ้น 106.02 จุด, +1.37%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,240.82 จุด เพิ่มขึ้น 198.92 จุด, +0.83%

หุ้นกลุ่มรถยนต์ยุโรปพุ่งขึ้น 3.7% และเพิ่มขึ้นรายวันสูงสุดในรอบเกือบหนึ่งเดือน โดยผู้ผลิตรถยนต์ยุโรปทั้ง Stellantis, Mercedes-Benz, Volkswagen และ Porsche เพิ่มขึ้นระหว่าง 6.1% ถึง 7.3%

นักลงทุนยังให้ความสนใจกับการรายงานผลประกอบการ โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถูกกดดันจาก SAP บริษัทซอฟต์แวร์ที่ร่วงลง 4.1% เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่บริษัทยังคงไม่ปรับเป้าหมายทั้งปี หลังจากรายงานยอดขายและกำไรรายไตรมาสที่สูงขึ้น

หุ้น ASM International ผู้ผลิตอุปกรณ์ชิปคอมพิวเตอร์ร่วงลงมากที่สุด โดยลดลง 10.4% หลังจากที่บริษัทรายงานยอดจองในไตรมาสที่สองต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้

หุ้น UniCredit ธนาคารใหญ่อันดับสองของอิตาลีพุ่งขึ้น 3.6% หลังจากประกาศผลกำไรรายไตรมาสสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ และปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการประจำปีบัญชี หลังจากวันก่อนหน้าความขัดแย้งกับรัฐบาลทำให้ธนาคารตัดสินใจยกเลิกข้อเสนอซื้อกิจการ Banco BPM คู่แข่ง

Nokia กลุ่มบริษัทจากฟินแลนด์ร่วงลง 7.6% หลังจากที่ได้ปรับลดประมาณการกำไรสำหรับปี 2025 ขณะที่ SSAB ร่วงลง 9% หลังจากผลประกอบการในไตรมาสที่สองลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 6 เซนต์ หรือ 0.09% ปิดที่ 65.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 8 เซนต์ หรือ 0.12% ปิดที่ 68.51 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 
 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–