เชียร์ GULF จบหลายดีล M&A ไฟฟ้าหมุนเวียน เพิ่ม ‘น้ำที่ลาว’ กำไรโต 16%- มูลค่า 4 บาท

HoonSmart.com>>”กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์”(GULF) บุกพลังงานหมุนเวียน ลงทุนเพิ่มประมาณ 4,160 ล้านบาท ซื้อหุ้นทางตรงและอ้อมโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Pak Lay สปป.ลาว เพิ่มเป็น 100% ขนาด 770 MW ขายไฟกฟผ. 29 ปี  เปิด COD ปี 75  ด้านบล.บัวหลวง คาดเพิ่มกำไรหลัก 15-16%ในระยะยาว เพิ่มมูลค่า 4 บาท/หุ้น ให้เป้าราคา 72.50 บาท บล.แลนด์ ฯ คาดกำไรปกติไตรมาส 2/68 ทำสถิติสูงสุดรายไตรมาสครั้งใหม่ สูงถึง 52,000 ล้านบาท หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรปกติ 6,500 ล้านบาท  

นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) เปิดเผยว่า วันที่ 22 ก.ค. 2568 บริษัทย่อยของกัลฟ์ฯ  เข้าซื้อหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมจาก 40% เป็น 100% โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Pak Lay ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 770 เมกะวัตต์ (MW) ตั้งอยู่บนแม่น้ำโขง เมืองปากลาย แขวงไซยะบุรี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) คิดเป็นเงินลงทุนรวมทั้งสิ้นประมาณ 128 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 4,160 ล้านบาท

โครงการดังกล่าวได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreement) กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)  ระยะเวลา 29 ปี เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าทั้งหมดให้แก่ กฟผ. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ปี 2575

การเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำดังกล่าว เป็นไปตามกลยุทธ์ของบริษัทฯ ในการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions)

โครงการ Pak Lay เป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบน้ำไหลผ่านตลอดปี (Run-of-the-River) ที่ไม่มีการกักเก็บน้ำในรูปแบบของเขื่อนประเภทอ่างเก็บน้ำ (Reservoir) และไม่มีการเบี่ยงน้ำออกจากแม่น้ำโขง แต่ใช้การไหลของน้ำตามธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้า โดยที่ปริมาณน้ำไหลเข้า เท่ากับปริมาณน้ำไหลออก ดังนั้น จึงไม่ส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำในแม่น้ำโขง ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของบริษัทฯ ที่มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืนและรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

ก่อนหน้านี้ GULF  ประสบความสำเร็จในการใช้เงินลงทุนมากกว่า 1,000 ล้านบาท ในการซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท ที่ทำธุรกิจโรงไฟฟ้าขยะรวม 12 โรงงาน และพลังงานขยะแข็ง จากกลุ่ม BWG และ ETC

บล.บัวหลวง คาดดีลนี้จะเป็น upside ต่อประมาณการกำไรหลัก ราว 15-16% ในระยะยาว และเพิ่มมูลค่าราว 4 บาท และจะเปลี่ยนวิธีบันทึกบัญชีจาก equity method เป็น consolidation ทำให้หนี้เพิ่มขึ้นราว 6 หมื่นล้านบาท แต่ด้วย net D/E ที่ต่ำ (คาด 0.5 เท่า ณ สิ้นไตรมาสที่ 2/2568) จึงยังมีศักยภาพรองรับได้สบาย เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” GULF ให้ราคาเป้าหมายถึง 72.50 บาท นับเป็นราคาสูงสุด จากนักวิเคราะห์ทั้งหมด 17 รายแนะนำซื้อ ให้ราคาเฉลี่ย 61.22 บาท และต่ำสุด 50 บาท โดยบล.โกลเบล็ก

บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ คาด GULF มีกำไรปกติไตรมาสที่ 2 ทำสถิติสูงสุดรายไตรมาสครั้งใหม่ สูงถึง 52,000 ล้านบาท หากไม่รวมรายการพิเศษ (กำไรอัตราแลกเปลี่ยน 300 ล้านบาท และกำไรจากการปรับมูลค่ายุติธรรมเงินลงทุน ADVANC จากการควบบริษัท 45,000 ล้านบาท ) กำไรปกติที่ 6,500 ล้านบาท เติบโต 22% จากไตรมาสแรก (QoQ) และเพิ่มขึ้น 37% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY)

” กำไรปกติได้แรงหนุนจากกำไรของโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตามการหยุดซ่อมลดลงและต้นทุนก๊าซลดลง 4% ส่วนแบ่ง ADVANC เพิ่มขึ้นตามการเปลี่ยนมาถือหุ้นทางตรงและเงินปันผลรับจากธนาคารกสิกรไทย (KBANK) จากการขึ้นเครื่องหมาย XD 2 รอบ รวม 977 ล้านบาท โดยกำไรถูกลดทอนบางส่วนจากดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นตามการออกหุ้นกู้ใหม่สุทธิ 20,000 ล้านบาทช่วงปลายไตรมาสแรกปี 2568  GULF ทยอยประกาศการลงทุนใหม่ต่อเนื่องทั้งธุรกิจพลังงานหมุนเวียน โครงสร้างพื้นฐาน และดิจิทัลคาดว่าจะมีดีลลักษณะนี้เกิดขึ้นอีกตามฐานทุนที่ใหญ่ขึ้นมาก”

บล.แลนด์ฯ คงคำแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 59 บาท ตามกำไรที่คาดทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องและ Valuations ปัจจุบันยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต แม้ราคาปรับตัวขึ้น ก็ยังไม่แพงด้วย P/E ปี 2569 ที่ 25 เท่าและ P/B 1.9 เท่า