MFC เปิดกลยุทธ์ลงทุน Q3/68 เพิ่มน้ำหนัก “หุ้นยุโรป” คาดหุ้นไทยไซด์เวย์

HoonSmart.com>>บลจ.เอ็มเอฟซี เปิดกลยุทธ์ลงทุนไตรมาส 3/68 คาดหุ้นไทย Sideways กังวลการเมืองในประเทศ สหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้า มุมมอง “Neutral” มองตลาดหุ้นยโรปน่าสนใจจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนเป็น “Overweight” ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ส่วน “ทองคำ” ราคาขึ้นมาแรง ระยะสั้น 3 เดือน “Neutral” ระยะยาว 6-12 เดือน “Overweight” พร้อมคัด 10 กองทุนจัดพอร์ต

 


 

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี (MFC) เผยกลยุทธ์การลงทุนไตรมาส 3/2568 มองตลาดหุ้นไทย จะเคลื่อนไหว Sideways ภาพรวมระยะสั้นคาดว่าดัชนียังคงแกว่งตัวผันผวนเล็กน้อย เนื่องจากปัจจัยบวกในประเทศยังมีจำกัด อีกทั้งนักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของการเมืองในประเทศและนโยบายการขึ้นภาษีของสหรัฐ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และอาจกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศของไทย ถ้าผลการเจรจาระหว่างตัวแทนไทยกับสหรัฐไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้

ทั้งนี้ ภาพรวมดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดไตรมาส 2/68 ดัชนี SET INDEX ณ วันที่ 30 มิ.ย. 68 อยู่ที่ 1,089.56 จุด จาก 1,158.09 จุด (31 มี.ค. 68) ปรับตัวลดลง -5.92% (QoQ) ภาพรวมบรรยากาศการลงทุนชะลอตัว เนื่องจากทิศทางตลาดหุ้นขาดปัจจัยบวกใหม่ที่จะมาช่วยขับเคลื่อน และนักลงทุนระมัดระวังการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงจากความกังวลสถานการณ์การเมืองภายในประเทศที่มีความไม่แน่นอนสูง อีกทั้ง กังวลนโยบายด้านภาษีของรัฐบาลสหรัฐแม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีการผ่อนผันมาตรการเก็บภาษีของสหรัฐเป็นระยะเวลา 90 วันก็ตาม

ส่วนทิศทางเงินทุนต่างชาติในปัจจุบันยังคงมี Outflow ต่อเนื่อง ที่ซึ่งล่าสุดกระแสเงินทุนนับตั้งแตั้ ต่วันที่ 1 ม.ค.- 4 ก.ค. 68 มียอดเงินไหลออกจากตลาดหุ้นไทยสุทธิอยู่ที่ -82,550.24 ล้านบาท

ด้านแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา มีอัตราการขยายตัวประมาณ 2.9 – 3.1% ซึ่ง MFC มีมุมมองว่าเศรษฐกิจไทยอาจจะปรับตัวในทิศทางชะลอตัวในช่วงต้นไตรมาส 3 เนื่องจากความเสี่ยงจากมาตรการภาษีของสหรัฐที่มีต่อประเทศคู่ค้า สำหรับปัจจัยราคาของดัชนีตลาดหุ้นไทยอยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดยปัจจุบันค่า Forward P/E ของดัชนี SET Index ณ วันที่ 3 ก.ค. 68 อยู่ที่ระดับ 11.99 เท่า อยู่ต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาว 10 ปีที่บริเวณ -2.1S.D.

“MFC มีมุมองต่อตลาดหุ้นไทยในระยะสั้น 0-3 เดือน และระยะยาว 6-12 เดือน เป็น Neutral กองทุนแนะนำ M-FOCUS, M-MIDSMALL, M-S50, HI-DIV และ M-MEGA”

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นแตะระดับ All Time High นำโดยหุ้นเทคโนโลยี และหุ้น Magnificent 7 โดยได้แรงหนุนจากการประกาศ “ceasefire” หรือหยุดยิงระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน และการผ่านร่างกฎหมาย “One Big Beautiful Bill” ซึ่งเป็นร่างกฎหมายขนาดใหญ่ที่รวมมาตรการเอื้อต่อภาคธุรกิจ

นอกจากนี้หุ้นสหรัฐฯ ยังได้แรงหนุนจากแนวโน้มดอกเบี้ยของเฟดที่ผ่อนคลายลง ซึ่งปัจจุบันตลาดคาดเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในครึ่งปีหลัง ขณะที่เมื่อพิจารณาจากปัจจัยทางฤดูกาลของดัชนี S&P 500 (Seasonality) พบว่า ดัชนี S&P 500 มักจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือน ก.ค. โดยให้ผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง 15 ปีที่ 2.86% ด้วยความน่าจะเป็นสูงถึง 86%

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันดัชนี S&P 500 มีค่า Forward P/E Ratio อยู่ที่ 22.34 เท่า ซึ่งเป็นระดับ Valuation ที่ค่อนข้างตึงตัวเมื่อเทียบกับในอดีตที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นผลประกอบการไตรมาส 2 ที่กำลังจะประกาศ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในระยะถัดไป

“MFC ให้น้ำหนักการลงทุนหุ้นสหรัฐฯ ระยะสั้น 0-3 เดือน และระยะยาว 6-12 เดือน เป็น Neutral”

ตลาดหุ้นยุโรป ยังคงน่าสนใจจากปัจจัยเชิงโครงสร้างและวัฏจักรเศรษฐกิจ โดยเยอรมนีหันกลับมาใช้นโยบายการคลังแบบขยายตัวเพื่อหนุนการลงทุน ขณะที่เศรษฐกิจยุโรปฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป นักวิเคราะห์ปรับคาดการณ์ GDP ปี 2568 ขยายตัว 1% ส่วนดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการขยับขึ้นมาอยู่ที่ 49.5 และ 50.5 ตามลำดับ ECB ยังคงดำเนินนโยบายผ่อนคลาย โดยคาดว่าดอกเบี้ยนโยบายสิ้นปีอยู่ที่ 1.75%

ขณะที่ Valuation หุนยุโรปยังน่าสนใจ โดยForward PE อยู่ที่ 14.45 เท่า ใกล้เคียงค่าเฉลี่ย 10 ปีขณะที่ EPS เริ่มมีแนวโน้มฟื้นตัว MFC จึงปรับน้ำหนักการลงทุนเป็น Overweight ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว กองทุนแนะนำ MEURO,M-EUBANK

ด้านตลาดหุ้นจีน แม้ตลาดหุ้นจีนฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดเดือนเม.ย. จากสถานการณ์การค้าผ่อนคลาย แต่มุมมองโดยรวมยังเป็น Neutral จากความไม่ชัดเจนด้านนโยบายและความเชื่อมั่นนักลงทุน แม้ภาครัฐจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น ลดดอกเบี้ยและอัดฉีดสภาพคล่อง แต่ดัชนีเศรษฐกิจสำคัญอย่างความเชื่อมั่นผู้บริโภค และ PMI ยังอ่อนแรง อย่างไรก็ตาม Valuation หุ้นจีนยังน่าสนใจ โดย Forward PE อยู่ที่ 13.1 เท่า และ Bloomberg คาด EPS โต 14.8% ในปี 256

MFC จึงยังคงมุมมอง Neutral จนกว่าความเชื่อมั่นและภาคอสังหาริมทรัพย์จะฟื้นตัวชัดเจน กองทุนแนะนำ MCHINA, MCHEVO

ตลาดหุ้นอินเดีย หุ้นอินเดียยังน่าสนใจในไตรมาส 3/2025 จากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เศรษฐกิจคาดโต 6.3% ในปี 2026 สูงกว่าประเทศอื่นในเอเชีย โดยได้แรงหนุนจากนโยบายลดภาษี เงินเฟ้อลดลง และภาครัฐลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ด้านนโยบายการเงิน ธนาคารกลางมีท่าทีผ่อนคลาย ดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 5.5% แม้ต่างชาติขายสุทธิช่วงต้นปีแต่เริ่มกลับมาซื้อในไตรมาส 2

แม้ต่างชาติขายสุทธิช่วงต้นปีแต่เริ่มกริ่ ลับมาซื้อในไตรมาส 2 ขณะที่เม็ดเงินในประเทศยังไหลเข้าต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากกองทุนและ SIP แม้ P/E ดัชนี Nifty อยู่ที่ 21 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว แต่ยังน่าสนใจเทียบกับผลตอบแทนพันธบัตร เราจึงยังแนะนำ Overweight ทั้งระยะสั้นและยาว กองทุนแนะนำ MINDIA

สำหรับมุมมองตลาดตราสารหนี้ต่างประเทศ ไตรมาส 3/2568 มองการลงทุนระยะสั้นและยาว ให้น้ำหนัก Overweight มองว่ากระจายการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศนอกสหรัฐฯ มีความน่าสนใจรับวัฏจักรดอกเบี้ยขาลงและมีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง นำโดยธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในขณะที่ระยะสั้นเฟดยังไม่เร่งรีบปรับลดดอกเบี้ย และภาพเศรษฐกิจโลกชะลอตัว เป็นปัจจัยหนุนต่อราคาตราสารหนี้ต่างประเทศปรับขึ้น ทั้งนี้ การลงทุนตราสารหนี้สหรัฐฯ ยังมีอัตราผลตอบแทน (yield to worst) ที่สูงน่าสนใจ

กองทุนแนะนำ M-SMART INCOME-AC / M-SMART INCOME-AR

ส่วนตลาดตราสารหนี้ไทย ให้น้ำหนักการลงทุนระยะสั้น Neutral และระยะยาว Overweight เนื่องจาก ระยะยสั้นคาดว่าอัตราผลตอบแทนพันธรัฐบาลไทยจะแกว่งตัวในกรอบ ซึ่งตลาดรับรู้สะท้อนโอกาสที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับลดดอกเบี้ยต่ออีก 1 ครั้งในปีนี้มาแล้วก่อนหน้า

สำหรับมุมมองระยะยาว ภาพเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวลงกว่าคาด และอัตราเงินเฟ้อไทยที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ตลาดคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทยมีโอกาสจะปรับลดดอกเบี้ยต่อเนื่องในปี 2569 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทย ซึ่งจะส่งผลดีต่อราคาตราสารหนี้ที่มีอายุยาวที่ยังมี Upside กองทุนแนะนำ SMARTMF

ทองคำ ราคาปรับตัวเพิ่มพิ่ ขึ้นแตะระดับ All-Time High ที่บริเวณ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อทรอยเอานซ์ในเดือน เม.ย. ก่อนที่จะปรับตัวลดลงมาที่บริเวณ 3,300 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อทรอยเอานซ์ในเดือน ก.ค. โดยราคาทองคำมีแนวรับสำคัญอยู่ที่ 3,150 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อทรอยเอานซ์และมีแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อทรอยเอานซ์ MFC ให้น้ำหนักการลงทุนทองคำระยะสั้น 0-3 เดือนเป็น Neutral หลังราคาทองคำปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมาก

อย่างไรก็ตาม MFC ให้น้ำหนักการลงทุนทองคำระยะยาว 6-12 เดือน เป็น Overweight เนื่องจากความตึงเครียดของสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์และหนี้สาธารณะสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นในระยะยาว ทำให้ธนาคารกลางทั่วโลกโดยเฉพาะในตลาดเ ทั่ กิดใหม่ เข้าซื้อทองคำเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ และเป็นการกระจายความเสี่ยงลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐฯ กองทุนแนะนำ IGOLD-G

น้ำมันดิบ มองว่าราคา ปัจจุบันมีแนวโน้มแกว่งตัวผันผวน ภาพรวมระยะสั้น นักลงทุนกังวลทิศทางเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่ซึ่งกำลังจะครบกำหนดระยะเวลาผ่อนผัน 90 วัน ว่าจะส่งผลให้เกิดการทำสงครามการค้าทั่วโลกระลอกใหม่ และรวมถึงความต้องการใช้พลังงานทั่วโลกอาจจะปรับตัวลดลงได้ ขณะที่ล่าสุดกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ได้ทำการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 548,000 บาร์เรล/วันในเดือนส.ค. มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ซึ่งจะทำให้มีน้ำมันส่วนเกินในตลาด

MFC ให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดน้ำมันทั้งระยะสั้น 0-3เดือน และระยะยาว 6-12 เดือน เป็น Neutral กองทุนแนะนำ I-OIL

ด้านกองทุนอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก ให้น้ำหนักการลงทุนระยะสั้นและยาว สั้ Neutral คาดตลาดเคลื่อนไหวในกรอบ โดยมีปัจจัยกดันความผันผวนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯที่ทรงตัวระดับสูงและภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ชะลอ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนมองความเสี่ยงเศรษฐกิจสหรัฐฯ ถดถอยลดลง และแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยสหรัฐฯ ในระยะยาว รวมทั้งทั้ ปัจจัยราคาของ Global REITs ที่ยังไม่แพง เทียบกับคาดการณ์การเติบโตรายได้กองทุนอสังหาริมทรัพย์สหรัฐฯที่ 6.2% (Y+1) ยังเป็นปัจจัยหนุนตลาด กองทุนแนะนำ MGPROP-AC, MGPROP-AR

กองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทยและสิงคโปร์ ให้น้ำหนักการลงทุนระยะสั้นและยาว Neutral ปัจจัยกดดันตลาดจากเศรษฐกิจเอเชียชะลอตัวลงจากผลกระทบอัตราภาษีนำเข้าใหม่ของสหรัฐฯ และ market sentiment ที่ยังเปราะบาง มีผลต่อการเคลื่อนไหวราคามากกว่าปัจจัยพื้นฐานซึ่งผลประกอบการณ์ของกองทุนอสังหาริมทรัพย์เอเชียชี ส่วนใหญ่กลับมาจ่ายปันผลได้และดัชนีให้ Dividend Yield เฉลี่ยที่สูงน่าสนใจ รวมทั้งปัจจัยราคาที่น่าสนใจ Price to Book Ratio ยังอยู่ระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ย นอกจากนี้นโยบายการเงินผ่อนคลายของธนาคารกลาง จะช่วยหนุน Asia REITs ได้ กองทุนแนะนำ MPDIVMF , MPII