ปัจจัยบวกท่วมตลาดหุ้นไทย ดัชนีพุ่งแรง 1.88% เกาะกลุ่มตลาดภูมิภาค วอลุ่มกว่า 6 หมื่นล้าน ตอกย้ำฐานแน่น แรงซื้อของต่างชาติ-สถาบัน ราคาน้ำมันขึ้น หนุนดัชนีมีโอกาสทะลุ 1,700 จุด บล.กสิกรไทยชี้เป้า 1,740 จุด บล.ทรีนีตี้แนะแบ่งพอร์ต รอขาย 1,700 จุด สวนทางดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเดือนธ.ค.ลดลง เงินบาทปิด 32.74/79 แข็งค่าตามภูมิภาค
วันที่ 3 ธ.ค. ตลาดหุ้นไทยร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง จบวันดีดขึ้น 30 จุด สถาบันลุยซื้อ 9,493 ล้านบาท ต่างชาติเก็บด้วย 2,676 ล้านบาท แต่ขายตราสารหนี้ 2,019 ล้านบาท ระหว่างวันดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งกว่า 500 จุด เป็นแรงส่งให้ตลาดหุ้นวันที่ 4 ธ.ค.มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ คาดทิศทางตลาดหุ้นเดือนธันวาคม แกว่งตัวขึ้น โดยมีแนวรับสำคัญ 1,600 จุด และแนวต้าน 1,700 จุด ประเมินระดับดัชนีที่เหมาะสมอยู่ที่ 1,640-1,650 จุด เทียบเท่าพี/อี 14 เท่า
ทั้งนี้ มี 3 ปัจจัยบวกสำคัญสนับสนุนการขึ้นของตลาดคือ 1. สหรัฐเลื่อนขึ้นภาษีนำเข้าจากจีน ออกไป 90 วัน จีนรับปากสั่งซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ 2. บอนด์ยีลสหรัฐ ทรงตัวระดับต่ำ และ3.ราคาน้ำมันดิบเริ่มฟื้นตัวขึ้น จากการส่งสัญญาณลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกและนอกกลุ่มโอเปก
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามใกล้ชิด คือ การปรับลดประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียน, ภาคการผลิตทั่วโลก ชะลอตัวต่อเนื่องและอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี และความเสี่ยงในยุโรป เช่น ปัญหาร่างงบประมาณฉบับใหม่ ของอิตาลี
นายณัฐชาตแนะกลยุทธ์การลงทุนในเดือนธ.ค.ว่า นักลงทุนที่ขายทำกำไรไปแล้วบริเวณดัชนี 1,640-1,650 จุด ถือหุ้นในส่วนที่เหลือต่อ และรอขายทำกำไร หากดัชนีปรับขึ้นไปยังบริเวณกรอบแนวต้านด้านบนที่ 1,700 จุด
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าคือเดือนก.พ.2562 ปรับตัวลดลง อยู่ในเกณฑ์ทรงตัว (Neutral) เช่นเดิม โดยนักลงทุนกังวลภาวะเศรษฐกิจโลกที่อาจชะลอตัวลงจากผลกระทบนโยบายทางการเงินและทางการค้าของสหรัฐ ขณะที่เชื่อมั่นสถานการณ์ทางการเมือง และภาวะเศรษฐกิจในประเทศหนุนความเชื่อมั่นนักลงทุน
อ่านประกอบ
FETCO เผยดัชนีความเชื่อมั่น ธ.ค. ลงต่อ รายย่อย Bearish – สถาบัน Bullish