OR ร่วมกับ บางกอกแอร์เวย์ส นำร่องใช้น้ำมัน SAF ที่ผลิตในไทยครั้งแรก 

HoonSmart.com>>ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) ร่วมกับ บางกอกแอร์เวย์ส นำร่องใช้น้ำมัน SAF ที่ผลิตในไทยครั้งแรก สำหรับเที่ยวบินเชิงพาณิชย์ระหว่างประเทศจาก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตั้งแต่วันที่ 1ก.ค.ที่ผ่านมา ยกระดับการบินสู่ความยั่งยืน และสะท้อนถึงความพร้อมของประเทศไทยในการก้าวสู่ผู้นำด้านพลังงานสะอาดในภูมิภาคอย่างแท้จริง

บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) จับมือ บริษัท การบินกรุงเทพ (BA) หรือ บางกอกแอร์เวย์ส (PG) เดินหน้านำร่องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel: SAF) ที่ผลิตในประเทศไทยเป็นครั้งแรก สำหรับเที่ยวบินเชิงพาณิชย์ ระหว่างประเทศ จาก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตั้งแต่วันที่ 1ก.ค.ที่ผ่านมา นับเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการบินไทยสู่อนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

โครงการนำร่องดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังการลงนามหนังสือแสดงเจตจำนง (LOI) เรื่อง การซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน  ซึ่งผลิตโดยผู้ผลิตภายในประเทศเป็นครั้งแรกในประเทศไทย สำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศของสายการบินบางกอกแอร์เวยส์ เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนถึงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่าง OR ในฐานะผู้นำตลาดน้ำมันอากาศยาน และบางกอกแอร์เวย์สในฐานะสายการบินชั้นนำของภูมิภาคเอเชียแพซิฟิก เพื่อร่วมกันสนับสนุนเป้าหมาย Net Zero ของประเทศและอุตสาหกรรมการบินโลก

สำหรับน้ำมัน SAF ที่ใช้ในโครงการฯ นี้ ผลิตโดย บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล  หรือ GC ซึ่งใช้กระบวนการ Co-Processing สำหรับอุตสาหกรรมการบินเป็นครั้งแรก โดยนำน้ำมันปรุงอาหารที่ใช้แล้ว (Used Cooking Oil: UCO) มาแปรรูปเป็นเชื้อเพลิงสะอาด ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า

ทั้งนี้ บางกอกแอร์เวย์สจะใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีสัดส่วน SAF 1% โดยมีปริมาณรวม 5,000,000 ลิตร สำหรับใช้ในเที่ยวบิน เส้นทางจากกรุงเทพฯ ไปยังจุดหมายปลายทางระหว่างประเทศ นอกจากนี้ การเติมน้ำมันนำร่องครั้งนี้ ยังถือเป็นการใช้งาน SAF สำหรับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นครั้งแรก พร้อมทั้งมีการออกใบรับรอง Proof of Sustainability (POS) ครบถ้วน เพื่อให้สายการบินสามารถนับรวมในการลดคาร์บอนตามกรอบของ ICAO หรือ องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศได้

การใช้ SAF ที่พัฒนาขึ้นจากวัตถุดิบเหลือใช้ นอกจากจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์แล้ว ยังเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มจากของเสีย และเป็นต้นแบบของความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนไทยในการพัฒนาเชื้อเพลิงสะอาดที่ผลิตได้ในประเทศ พร้อมรองรับการขยายสัดส่วนการใช้ SAF อย่างต่อเนื่องในอนาคต

“ความร่วมมือของ OR และ บางกอกแอร์เวยส์ ครั้งนี้ จึงไม่เพียงยกระดับอุตสาหกรรมการบินไทย แต่ยังสะท้อนถึงความพร้อมของประเทศไทยในการก้าวสู่ผู้นำด้านพลังงานสะอาดในภูมิภาคอย่างแท้จริง”