คุยไม่จบ ! ไทยเสี่ยงโดนภาษีฯ 36% หุ้นส่งออกจุก ดัชนี 1,000 จุด รับไหว

HoonSmart.com>> ไทยปิดดีลภาษีสหรัฐไม่จบ! ต้องทำข้อเสนอใหม่ เลวร้ายสุดอาจโดนภาษีเท่าเดิม 36% หลังเส้นตาย 9 ก.ค. บล.ยูโอบีคาดกด GDP โตต่ำ 1.4% เชื่อหุ้นไม่หลุด 1,000 จุดใจตรงกับบล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง ล่าสุดไทยเจอเคราะห์ซ้ำกรรมซัด!  “ทรัมป์” เตรียมจำกัดการส่งออกชิป AI มายังไทย-มาเลเซีย บล.บัวหลวงคาดกดดันหุ้น 5 กลุ่มสายเทค-โรงไฟฟ้า ด้าน WHA คุยลูกค้ายังทะลัก ปีนี้ทำ All time high ไม่หวั่นผลกระทบภาษีสหรัฐ 

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ยอมรับว่าการเดินทางไปเจรจากับสหรัฐเรื่องภาษีนำเข้าอย่างเป็นทางการ มีสัญญาณที่ดี โดยได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับหัวหน้าผู้แทนการค้าสหรัฐและรมช.คลังสหรัฐ ซึ่งเป็นคู่เจรจาระดับนโยบาย แต่ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป ทั้งสองฝ่ายยังต้องทำงานกันต่อไป รับฟีดแบ็กที่ได้วันนี้ กลับไปจัดทำข้อเสนอใหม่เพิ่มเติม เพื่อประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ยันจุดยืน ต้องเป็นข้อตกลงที่ปฏิบัติได้ ยั่งยืน เป็น win win ทั้งสองฝ่าย

ทั้งนี้นับถอยหลังเส้นตาย 9 ก.ค.2568 นี้  บล.พายระบุว่า ไทยเสี่ยงถูกเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐในอัตราเดิมที่ 36% เพราะยังไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาการค้า ขณะที่กว่า 123 ประเทศ อาจได้รับการปรับลดภาษีเหลือเพียง 10% เท่านั้น บล.อินโนเวสท์ เอกซ์รายงานว่า ทรัมป์ลงนามจดหมายภาษีถึง 12 ประเทศ ส่งถึงมือผู้รับจันทร์ที่ 7 ก.ค.นี้

ไทยโดนอีกดอก! ประธานาธิบดีสหรัฐ “โดนัลด์ ทรัมป์” เตรียมร่างกฏหมายจำกัดการส่งออกชิปมายังประเทศไทย และมาเลเซีย เนื่องจากกังวลจะเป็นตัวกลางส่งชิปไปให้กับจีน เพื่อป้องกันการเข้าถึงเทคโนโลยี และ AI ของสหรัฐฯ

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เชื่อว่านายพิชัยและทีมไทยแลนด์รีบส่งข้อเสนอไปเจรจาให้ทันก่อนถึงวันที่ 9 ก.ค.นี้ ขณะที่เวียดนามบรรลุข้อตกลงสำเร็จที่อัตรา 20%  หลังทราบอัตราภาษีของไทยที่ชัดเจน อาจจะมีการพิจารณาทบทวน GDP ปีนี้ใหม่อีกครั้ง  จากเดิมคาดไว้ที่ 1.3-2.3% ประเมินตามอัตราภาษีอยู่ที่ 36%

“หากสินค้าไทยถูกเรียกเก็บอัตราภาษีสูงกว่าเวียดนาม ก็ยังไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่จะนำมาประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย เพราะต้องพิจารณาอัตราภาษีประเทศคู่แข่งอื่นของไทยควบคู่กันไปด้วย เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย เป็นต้น สำหรับสภาพัฒน์ มองสมมติฐานว่าไทยจะโดนเก็บภาษีที่อัตรา 18% จาก 36%”นายดนุชากล่าว

กด GDP ไทยปีนี้โตต่ำ 1.4% Downside ตลาดลงไม่ลึก

นายเบญจพล สุทธิ์วนิช รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า กรณีเลวร้ายไทยไม่สามารถเจรจากับสหรัฐฯได้ทันวันที่ 9  ก.ค.ที่ผ่อนปรนใช้อัตราภาษีที่ 10%  อาจต้องกลับไปใช้อัตราภาษีที่ 36% จะทำให้ GDP ไทยปีนี้เติบโตแค่ 1.4% ระดับต่ำสุดของ Consensus ที่ประมาณการไว้ที่ 1.4-2.0% แต่ตลาดหุ้นไทยก็จะไม่ปรับตัวลงลึก คาดทดสอบ 1,040 จุด

แต่ถ้าสามารถยืดเวลาการขึ้นภาษีไปได้ ดัชนี SET ก็จะแกว่งแถวนี้แต่ไม่เกิน 1,110 จุด และถ้าสามารถเจรจาลดภาษีได้กึ่งหนึ่งจาก 36%  ดัชนี SET มีโอกาสมาเล่นกรอบบนลุ้นทดสอบ 1,180 จุด

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยให้กรอบเป้าดัชนี SET ปีนี้ไว้ที่ 1,040-1,120 จุด บนประมาณการกำไรต่อหุ้นของตลาด (EPS) ที่ 80 บาท มี Downside เกือบ 10% หรือราว 100 จุด เนื่องจากการเมืองไทยยังไม่ดี และไทยก็ยังเป็นทางผ่านของสินค้าจีนหลายอย่าง รวมถึงสินค้าไทยก็ไม่ได้สร้างแรงดึงดูดใจให้สหรัฐฯด้วย

ส่วนหากไทยยกเว้นภาษีนำเข้าให้สหรัฐฯเป็น 0% เหมือนอย่างเวียดนาม ก็อาจจะทำให้สินค้าเนื้อสัตว์, ธัญพืช ไหลทะลักเข้าไทยได้ ซึ่งก็จะเป็นลบต่อกลุ่มเกษตร

อย่างไรก็ดี แนวโน้มที่ภาษีการค้าจะอยู่ในระดับ 10-20% ซึ่งมองเป็นบวก และมีโอกาสที่ไทยจะถูกเก็บภาษีต่ำกว่า 20% เนื่องจากไทยเกินดุลสหรัฐฯ ในอันดับที่ 11 (4.6 หมืนล้านเหรียญฯ) ในระดับที่น้อยกว่ามาก เทียบกับเวียดนามที่เกินดุลอันดับ 3 (1.2 แสนล้านเหรียญฯ) หรือในกรณีแย่ก็อาจเสีย 20% เท่าเวียดนาม

ส่งออกสะดุด! SET โงหัวไม่ขึ้น แต่ไม่หลุด 1,000

ม.ล.ทองมกุฎ ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง กล่าวว่า ตลาดหุ้นรับรู้เรื่องภาษี”ทรัมป์”ไปมากแล้ว ผลกระทบน่าจะเกิดขึ้นในปี 2569 เพราะได้มีการตุนส่งออกสินค้าไปมากแล้ว ทำให้ยังไม่น่ากระทบกำไรบจ.ปีนี้ ตอนนี้คาดหวังแค่ให้สหรัฐฯคิดอัตราภาษีนำเข้าจากไทยที่ไม่แย่ไปกว่าเวียดนามที่โดนไป 20%

“เชื่อว่าบริษัทฯจะมีการปรับตัวหลังเผชิญกับภาษีของ”ทรัมป์” ตอนนี้ไทยยังไม่ได้คุยกับสหรัฐฯ แล้วต้องมาใช้อัตราภาษี 36% เท่าเดิมที่สหรัฐฯประกาศไว้ คิดว่าอาจสะดุดการส่งออก แต่ช่วง 2-3 เดือนนี้ทุกคนนำเข้าสินค้าไปหมดแล้ว ดังนั้นส่งออกไตรมาส 3 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 คาดว่าจะลดลง…แม้ไทยอาจจะต้องกลับไปใช้อัตราภาษีนำเข้าที่ 36% หลังพ้นเส้นตายวันที่ 9 ก.ค.นี้ แต่การเจรจาก็ยังทำได้ต่อ ขอแค่ให้สามารถลดภาษีนำเข้าได้ก็พอใจแล้ว เรทอย่าแย่ไปกว่าเวียดนามก็พอใจแล้ว”

ม.ล.ทองมกุฎ กล่าวต่อว่า หุ้นไทยยังน่าลงทุนได้อยู่ เชื่อว่าดัชนี SET จะไม่ลงไปต่ำกว่า 1,000 จุด ด้วยเหตุจากภาษี”ทรัมป์” แต่หุ้นไทยที่มีแรงกดดันอยู่ในขณะนี้เป็นเรื่องของภาพรวมเศรษฐกิจ และปัญหาการเมืองในประเทศมากกว่า พร้อมมองหุ้นในกลุ่มธนาคารน่าลงทุน เพราะมีความปลอดภัย พื้นฐานดี เศรษฐกิจยังต้องพึ่งพาธนาคารอยู่

ไทยเสียโอกาสไปเรื่อย ๆ หุ้นผันผวนอีกครั้ง

บล.ทิสโก้ ระบุไทยไม่ได้ข้อสรุปเจรจาการค้ากับสหรัฐฯภายใน 9 ก.ค.นี้ แม้มีโอกาสจะขยายเวลาต่อไป แต่อาจจะถูกปรับภาษีศุลกากรตอบโต้ขึ้นจากเดิม 10% เป็น 20% การเจรจาการค้าที่ขยายเวลาออกไป จะทำให้ไทยเสียโอกาสไปเรื่อย ๆ สร้างความผันผวนกลับมาอีกครั้ง มอง SET Index จะแกว่งในกรอบ 1,080-1,160 จุด

สหรัฐจำกัดส่งออกชิปไปมาเลเซีย-ไทย กระทบหุ้น 5 กลุ่มหลัก

บล.บัวหลวง วิเคราะห์กรณี”ทรัมป์” เตรียมจำกัดการส่งออกชิป AI ไปมาเลเซีย และไทย ว่าจะมีผลกระทบต่อหุ้นใน 5 กลุ่มหลัก ดังนี้

1. กลุ่มนำเข้า GPU กลุ่มที่คาดกระทบตรงอย่าง Siam Al ซึ่งเป็น NVIDIA Cloud Partner (NPC) ประเทศไทย และอาจจะต่อเนื่องไปที่ LTS ซึ่ง รับงานต่อจาก Siam Al

2. กลุ่ม Data center และ โรงไฟฟ้า จะกระทบแผนการลงทุน และแผนการเช่า Co-location แต่ในประเทศไทย คาด Data center ส่วนใหญ่ยังเป็น CPU ไม่ใช่ GPU สำหรับ AI อาจจะกระทบจำกัด อีกทั้งสหรัฐอาจจะมีข้อยกเว้นบางอย่างให้กับบริษัทที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในสหรัฐและ Friendly nations ได้ชั่วคราว อาจจะไม่กระทบกับแผน ของ Hyperscalers

อย่างไรก็ตาม แผนระยะยาวอาจจะกระทบการพัฒนา AI Cluster ในประเทศไทย และเสียโอกาสเม็ดเงินการลงทุนในด้านนี้ และอาจส่งผลถึงอุปสงค์ของโรงไฟฟ้าบางส่วนในระยะยาว

3. กลุ่มพัฒนา AI กลุ่มที่พัฒนา AI ของตัวเองในประเทศ อาจจะมีต้นทุนที่สูงขึ้น เพราะต้องใช้ channel อ้อม หรือย้าย workload ไปประเทศ อื่น เช่น สิงคโปร์

4. กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์คาดกระทบจำกัดโดย HANA, CCET, KCE ไม่ได้มีสินค้าเกี่ยวเนื่องกับ AI อยู่แล้ว ในด้านของ DELTA ไม่ได้รับประโยชน์โดยตรงจากการขายสินค้ากลุ่ม Power management ในภูมิภาคอยู่แล้ว แต่ขายใน Global scale การจำกัดในภูมิภาค
จึงคาดไม่กระทบ แต่อาจจะกระทบทางอ้อมในด้านของซัพพลายเชน เนื่องจากมาเลเซียเป็นฐานสำคัญในการทำ Packaging/Testing
อย่างไรก็ตาม สหรัฐอาจมีข้อยกเว้น เพื่อลดผลกระทบความเสี่ยงด้านการช็อกของซัพพลายเชน

5. กลุ่ม Bitcoin mining การทำ Mining ขนาดใหญ่ พึ่งพา GPU หรือ ASIC ซึ่งบางส่วนมาจาก Nvidia หากมาตรการรวมถึง GPU สำหรับ High Compute อาจทำให้ Mining Farms จัดหาชิปได้ยากขึ้น แต่ผลกระทบอาจจำกัด เพราะ Mining Hardware หลายชนิดไม่ใช่ AI-specific GPU โดยตรง

แย่สุดเจอภาษี 36% กระทบอิเล็กทรอนิกส์, เกษตร,นิคม

ส่วนการเจรจาภาษีระหว่างไทย-สหรัฐฯ ที่ยังไม่มีความคืบหน้าจะกดดันตลาดมุมมองปัจจัยพื้นฐาน อิงจากการประเมินของ Wealth Research กรณีแย่สุดเสียภาษี 36% จากฐานที่ 20%  จะกดดันให้ GDP ไทยเหลือโต 0.9% (จากฐาน 1.4%) กำไรต่อหุ้นของตลาดเหลือ 73 บาท
ดัชนีโซนลึกอยู่ช่วง 980-1,030 หรือมีโอกาสลงไปทดสอบ Low เดิม มุมมองทางเทคนิคน่าจะอยู่ในช่วง 1,050/1,060 ในระหว่างสัปดาห์

สำหรับกลยุทธ์ คาดหุ้นกลุ่มส่งออก เช่น อิเล็กทรอนิกส์, เกษตรฯ และการลงทุน เช่น นิคมอุตสาหกรรม โดนกดดันตรง
– กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ รอเทียบภาษีกับคู่แข่งกลับ อย่างจีน ไต้หวัน และมาเลเซีย แต่หุ้นดันเล่นขึ้นมาเก็งก่อน อาจจะเจอแรงขาย
– กลุ่มนิคมฯกระทบการตัดสินใจระยะสั้น คู่แข่งอย่างเวียดนามเปิดเลขมาก่อนแล้ว ต้องลุ้นหน่อย
– กลุ่มเกษตรฯ มีความเสี่ยงอาจจะถูกกดดันให้นำเข้าเนื้อหมูเพิ่มเติม

WHA คุยสหรัฐฯเก็บภาษี 36% ลูกค้ายังทะลัก

น.ส.จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) เปิดเผยว่า ยอดขายที่ดินในไทยปีนี้คาดว่าจะดีกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 1,750 ไร่ และหากรวมเวียดนามด้วยเป้าอยู่ที่ 2,300 ไร่ แต่ยอดขายที่ดินในเวียดนามจะทำได้ไม่ถึงเป้า จากผลกระทบจากภาษีของ”ทรัมป์” อย่างไรก็ดี ผลงานของบริษัทฯในปีนี้คาดว่าจะทำ All time High

น.ส.จรีพร กล่าวว่า หลังจากที่สหรัฐฯประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยในอัตรา 36% ลูกค้าก็ยังคงทะลักเข้ามา ซึ่งการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-ไทยในครั้งนี้จะได้อัตราภาษีเท่าไรก็ตาม ขอแค่ไม่สูงกว่าเวียดนามที่โดนภาษีไป 20% ก็พอใจแล้ว หากได้ในช่วง 10-20% ลูกค้าก็ยังรับได้ สำหรับลูกค้าของ WHA ส่วนที่เป็นกลุ่มยานยนต์ก็ไม่ได้ส่งไปสหรัฐฯเลย มีเพียงลูกค้ากลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ที่อาจได้รับผลกระทบบางส่วน

นอกจากนี้เห็นด้วยที่จะมีการเรียกเก็บภาษีสินค้าประเทศอื่นที่ส่งออกผ่านเวียดนาม ซึ่งเวียดนามจะโดนสหรัฐฯเก็บภาษี 40% มองเป็นเรื่องที่ดี ทำให้มีการย้ายฐานการผลิตไปที่ไทยหรือเวียดนาม

“พวกสีเทาส่วนใหญ่จะอยู่นอกนิคมฯ การมี Transit เป็นเรื่องดี จะได้ไม่เกิดการสวมสิทธิ์ และทำให้เกิดการย้ายฐานการผลิตไปที่เวียดนาม หรือไทย ไม่ต้องใช้โควต้าส่งออกจากไทย”น.ส.จรีพรกล่าว

เมื่อวันที่ 4 ก.ค.68 ตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,119.94 จุด ลดลง 7.27 จุด หรือ -0.64% มูลค่าซื้อขาย 27,794.63 ล้านบาท โดยดัชนีแตะสูงสุด 1,128.08 จุด ต่ำสุด 1,115.37 จุด  โดยนักลงทุนต่างชาติทิ้งมากถึง 2,338  ล้านบาท สวนทางนักลงทุนไทยช้อน 1,342.77 ล้านบาท สถาบันไทยซื้อสุทธิ 1,141.62 ล้านบาท

 

 

 

 
 
 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–