ดาวโจนส์ปิดบวก 404 จุด คาดดอกเบี้ยลง

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดบวก ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 404 จุด ตลาดมองสัญญาณลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ มีแนวโน้มมากขึ้น ทรัมป์ วิพากษ์วิจารณ์ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ไม่ลดต้นทุนการกู้ยืม ด้านตลาดแรงงานยังส่งสัญญาณความอ่อนแอต่อเนื่อง “ราคาน้ำมันดิบ” ปรับตัวเพิ่มขึ้น ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ผันผวนตลอดทั้งวันก่อนปิดตลาดแทบไม่เปลี่ยนแปลง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 26 มิถุนายน 2568 ปิดที่ 43,386.84 จุด เพิ่มขึ้น 404.41 จุด , +0.94% จากการคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยทวีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากตลาดแรงงานยังคงแสดงสัญญาณความอ่อนแออย่างต่อเนื่อง ประกอบกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ วิพากษ์วิจารณ์ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ที่ไม่ลดต้นทุนการกู้ยืม ซึ่งตลาดมองว่าสัญญาณว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ มีแนวโน้มมากขึ้น

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,141.02 จุด เพิ่มขึ้น 48.86 จุด,+0.80%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 20,167.91 จุด เพิ่มขึ้น 194.36 จุด, +0.97%

นอกจากนี้ตลาดได้รับแรงหนุนหลังโฆษกทำเนียบขาว Karoline Leavitt กล่าวว่ากำหนดเส้นตายภาษีของทรัมป์ในวันที่ 9 กรกฎาคม “ไม่สำคัญ” สำหรับประเทศต่างๆ ที่จะบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรตอบโต้

ก่อนหน้านี้ Stephen Miran หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของทำเนียบขาว กล่าวกับ Brian Sozzi จาก Yahoo Finance ว่าทรัมป์อาจขยายกำหนดเส้นตายสำหรับประเทศที่ “เจรจาด้วยความจริงใจ”

นักลงทุนได้รับข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวม โดยข้อมูลสำคัญ ได้แก่ ประมาณการขั้นสุดท้ายเศรษฐกิจสหรัฐฯ หดตัวลง 0.5% ในไตรมาสแรก ซึ่งแย่กว่าที่คาดไว้นอกจากนี้จำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้น โดยจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานยังคงเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2021

กระทรวงแรงงานเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานอย่างต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 37,000 ราย สู่ระดับ 1.97 ล้านราย

หลังจากการเผยแพร่ข้อมูล ตลาดคาดการณ์ว่ามีโอกาส 27% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไปในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ซึ่งเพิ่มขึ้นจากโอกาส 12.5% ​​เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตามข้อมูลจากเครื่องมือ FedWatch ของ CME นอกจากนี้ โอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายเดือนกันยายนก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยขณะนี้ ตลาดคาดการณ์ว่ามีโอกาส 92% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งเพิ่มขึ้นจากโอกาส 64% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจอื่นกระทรวงพาณิชย์รายงานว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ซึ่งรวมถึงสินค้าประเภทเครื่องบิน เครื่องใช้ไฟฟ้า และคอมพิวเตอร์ พุ่งขึ้น 16.4% ในเดือนพฤษภาคม หลังจากร่วงลง 6.6% ในเดือนเมษายน

หุ้นใหญ่ด้านเทคโนโลยีช่วยหนุนดัชนีตลาดโดยรวม โดยหุ้น AI Nvidia เพิ่มขึ้น 0.5% แตะระดับ all-time high หุ้น Meta Platforms เพิ่มขึ้นมากกว่า 2% หุ้นAlphabet
พุ่งขึ้น 1.7%

นักลงทุนจับตาการรายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี PCE จะเพิ่มขึ้น 2.3% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากปรับตัวขึ้น 2.1% ในเดือนเม.ย. และคาดว่าดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากปรับตัวขึ้น 2.5% ในเดือนเม.ย.

ตลาดหุ้นยุโรปผันผวนตลอดทั้งวันก่อนปิดตลาดแทบไม่เปลี่ยนแปลง เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลกับสัญญาณล่าสุดเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ

ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)เจอโรม พาวเวลล์ ระบุในการแถลงต่อรัฐสภาเมื่อสัปดาห์นี้ว่า หากไม่มีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจากภาษีศุลกากรของรัฐบาลทรัมป์ เฟดยังคงปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อไป

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ วิจารณ์พาวเวลล์อย่างหนัก และแย้มรายชื่อผู้ที่จะเข้ามาแทนที่ ขณะที่วอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานว่าการเปลี่ยนแปลงนโยบายอาจเกิดขึ้นเร็วที่สุดในเดือนกันยายน

ขณะนี้ ตลาดกำลังจับตาเส้นตายการระงับการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ในวันที่ 9 กรกฎาคม เนื่องจากการเจรจาการค้าหยุดชะงักเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร สหภาพยุโรปจึงพยายามบรรลุข้อตกลงกับวอชิงตัน ผู้นำสหภาพยุโรปซึ่งจะประชุมกันในวันพฤหัสบดีนี้ จะต้องตัดสินใจว่าจะบรรลุข้อตกลงโดยเร็วหรือจะต่อสู้อย่างเข้มข้นขึ้น

หุ้นกลุ่มป้องกันประเทศพุ่งขึ้น 3.1% หลังผู้นำองค์การNATOเห็นชอบการเพิ่มงบประมาณกลาโหมอย่างมากตามข้อเรียกร้องของทรัมป์

กลุ่มเหมืองแร่พุ่งเกือบ 4% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นรายวันมากที่สุดในรอบกว่า 1 เดือน เนื่องจากราคาทองแดงอยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน

หุ้นกลุ่มสินค้าหรู และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคในครัวเรือนลดลงกว่า 1.4%

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 537.48 จุด เพิ่มขึ้น 0.50 จุด, +0.09%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,735.60 จุด เพิ่มขึ้น 16.85 จุด, +0.19%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,557.31 จุด ลดลง 0.85 จุด,-0.01%,ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,649.30 จุด เพิ่มขึ้น 150.97 จุด ,+0.64%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 32 เซนต์ หรือ 0.49% ปิดที่ 65.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 5 เซนต์ หรือ 0.07% ปิดที่ 67.73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล