ดาวโจนส์ปิดลบ 44 จุด เฟดคงดอกเบี้ย “พาวเวลล์” คาดเงินฟ้อจะสูงขึ้น

HoonSmart.com>>ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ 44 จุด หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คงดอกเบี้ย ประธานเฟด “เจอโรม พาวเวลล์” คาดเงินเฟ้อจากราคาสินค้าจะสูงขึ้นในช่วงฤดูร้อน ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ปรับเพิ่มขึ้น WTI ปิด 75.14 ดอลลาร์/บาร์เรล ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 18 มิถุนายน 2568 ปิดที่ 42,171.66 จุด ลดลง 44.14 จุด หรือ -0.10% หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงอัตราดอกเบี้ยในการตัดสินใจนโยบายล่าสุด และประธานเฟดเจอโรม พาวเวลล์ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจากราคาสินค้าจะสูงขึ้นในช่วงฤดูร้อน เนื่องจากภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กำลังส่งผ่านไปยังผู้บริโภค

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,980.87 จุด ลดลง 1.85 จุด, -0.03%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,546.27 จุด เพิ่มขึ้น 25.18 จุด, +0.13%

เฟดคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 4.25%- 4.5% ตามที่ตลาดคาดการณ์ ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ครั้งละ 0.25% รวม 0.50% ส่วนในปี 2026 และ 2027 คาดการณ์ว่าจะลดลงปีละ1 ครั้ง เพียง 0.25% ขณะเดียวกันก็ส่งสัญญาณถึงภาวะเศรษฐกิจชะงักงันและเงินเฟ้อ โดยปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2025 เหลือเพียง 1.4% และปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเป็น 3.1%

พาวเวลล์กล่าวในการแถลงข่าวหลังการประชุมว่า เริ่มเห็นผลบางอย่างของภาษีศุลกากรต่อเงินเฟ้อ แต่ผู้กำหนดนโยบายมีความพร้อมที่จะรอก่อนที่จะดำเนินการเรื่องดอกเบี้ย

พาวเวลล์กล่าวว่า “ขนาดของผลกระทบจากภาษีศุลกากร ช่วงเวลา และระยะเวลาที่จะเกิดขึ้น ล้วนมีความไม่แน่นอนสูง นั่นคือเหตุผลที่เราคิดว่าสิ่งที่เหมาะสมที่จะทำคือคงไว้ระดับปัจจุบันขณะที่รอภาพชัดเจน”

หลังพาวเวลล์ให้ความเห็น ตลาดอ่อนตัวลงจากที่ปรับขึ้นเล็กน้อยในช่วงแรก อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐก็ลดลงเช่นกัน

นักลงทุนยังจับตาพัฒนาการในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด บางส่วนกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่กองทัพสหรัฐจะมีการปฏิบัติการทางทหารในสงครามทางอากาศระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน
อายาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ปฏิเสธข้อเรียกร้องของทรัมป์ที่ให้ยอมจำนนโดยไม่มีเงื่อนไข ขณะที่ทรัมป์กล่าวว่าความอดทนของเขาหมดลงแล้ว แม้ไม่ได้ระบุถึการดำเนินการในขั้นตอนต่อไป

กลุ่มพลังงานนำการลดลงในกลุ่ม S&P 500 ขณะที่เทคโนโลยีสารสนเทศเพิ่มขึ้นมากที่สุด

หุ้นCircle Internet ซึ่งเป็นผู้ออก stablecoin พุ่งขึ้น 33.8% หลังจากที่วุฒิสภาสหรัฐฯ ได้ผ่านร่างกฎหมายเพื่อสร้างกรอบการกำกับดูแลโทเค็นสกุลเงินดิจิทัลที่ตรึงกับเงินดอลลาร์ ซึ่งรู้จักกันในชื่อ stablecoin

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงาน คือ จำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจาก กระทรวงแรงงานซึ่ง ลดลง 5,000 ราย มาที่ 245,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำกว่า246,000 รายที่นักวิเคราะห์คาด

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ เพราะนักลงทุนรอผลการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ ขณะที่ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลางยังทำให้ตลาดมีความไม่แน่นอนมากขึ้น
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 540.33 จุด ลดลง 1.93 จุด, -0.36% ซึ่งป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 1 เดือน

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,843.47 จุด เพิ่มขึ้น 9.44 จุด, +0.11%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,656.12 จุด ลดลง 27.61 จุด, -0.36%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,317.81 จุด ลดลง 116.84 จุด, -0.50%

ความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและอิสราเอลยืดเยื้อเป็นวันที่ 6 และตลาดวิตกว่าสหรัฐฯ จะเข้ามาเกี่ยวข้องโดยตรงมากขึ้น หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เรียกร้องให้อิหร่าน “ยอมจำนนโดยไม่มีเงื่อนไข” อย่างไรก็ตาม อายาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ปฏิเสธข้อเรียกร้องการยอมจำนนของทรัมป์

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศเป็นกลุ่มที่ปรับขึ้นมากที่สุด โดยเพิ่มขึ้น 0.6%

นักลงทุนยังคงหลีกเลี่ยงการซื้อสินทรัพย์เสี่ยงก่อนรู้ผลการประชุมนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯหลังปิดตลาด ซึ่งคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม แต่รอการให้ความเห็นของผู้กำหนดนโยบายอย่างใกล้ชิดเพื่อหาสัญญาณว่าเฟด มีแผนจะเดินหน้าในสภาพแวดล้อมการค้าที่ไม่แน่นอนอย่างไร

นอกจากนี้เฟดเผชิญกับความท้าทายเพิ่มเติมจากความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่อาจเกิดขึ้นจากวิกฤตการณ์ในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรงขึ้น

ขณะที่เส้นตายการระงับภาษีศุลกากรในวันที่ 8 กรกฎาคมกำลังใกล้เข้ามา หลายประเทศรวมทั้งสหภาพยุโรปเร่งดำเนินการเพื่อบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐฯ อูร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปยังคงตั้งเป้าที่จะบรรลุข้อตกลงภายในวันที่ 9 กรกฎาคม ข้อตกลงทางการเพียงฉบับเดียวที่ลงนามคือข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรที่ประกาศเมื่อเดือนที่แล้ว

ขณะดียวกันธนาคารกลางของสวีเดนปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลักจาก 2.25% เหลือ 2.00% ตามที่คาดไว้

กลุ่มเฮลธ์แคร์เป็นกลุ่มที่ฉุดดัชนีมากที่สุดจากการที่หุ้น Novo Nordisk ซึ่งเป็นหุ้นใหญ่ร่วงลง 1% หลังผู้พิพากษาของสหรัฐฯ ยืนยันตามคำตัดสินของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ ที่จะถอดยาขายดีอย่าง Ozempic และ Wegovy ออกจากรายชื่อบัญชียาขาดแคลน

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 30 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 75.14 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 25 เซนต์ หรือ 0.33% ปิดที่ 76.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 
 
 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–