หุ้นดิ่ง 19 จุด กังวลการเมืองป่วนซ้ำศก. ต่างชาติ-สถาบันชิงหนีกว่า 2 พันลบ.

HoonSmart.com>>หุ้นไทยกู่ไม่กลับ หลุด 1,100 จุด ปิดโลว์ 1,094.58 จุด ดิ่งลงเหวลึก 19 จุด หรือ -1.71% ต่างชาติ-สถาบันขายหนีการเมืองที่เพิ่งเปิดศึกรบ กระแสพรรคภูมิใจ ขอถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล เด็ดสุดมีคลิปเสียงหลุด ‘แพทองธาร‘ เจรจากับ ’ฮุนเซน’ ซ้ำเติมเศรษฐกิจให้ย่ำแย่ลงไปอีก ไม่สนใจข่าวบวก ส่งออกพ.ค.พุ่ง 18.4% บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจอนุมัติงบ 1.1 แสนล้านลบ. เจรจาภาษีสหรัฐคืบ บล.ฟินันเซียฯแนะจับตา 1,094  รับไหวไหม บล.หยวนต้าเชียร์ Global Play   

วันที่ 18 มิ.ย.ตลาดหุ้นไทยไหลพรวด วันเดียวกว่า 25 จุด จากภาคเช้าขึ้นสูงสุดแตะ 1,120.33 จุด บวก 6.75 จุด แต่บ่ายเป็นหนังคนละม้วนดิ่งลงเหวลึกหลุด 1,100 มาปิดต่ำสุดของวัน 1,094.58 จุด ดิ่งแรง-19 จุด หรือ -1.71% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 36,048 ล้านบาท โดยสถาบันทิ้ง 1,142.21 ล้านบาท ต่างชาติตามด้วย 1,139.61 ล้านบาท พอร์ตบล.ขาย 501.98 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนไทยยืนเก็บ 2,783.80 ล้านบาท

สาเหตุที่เกิดแรงกระหน่ำขายหุ้นออกมาในช่วงบ่ายอย่างหนักหน่วง หลังจากมีคลิปเสียงหลุด ‘แพทองธาร‘ เจรจากับ ’ฮุนเซน’ และได้รับการยอมรับว่าเป็นของจริง รวมถึงกระแสพรรคภูมิใจ ขอถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้รัฐบาลมีเสียงง่อนแง่น และอาจจะนำไปสู่เรื่องที่คาดไม่ถึงก็ได้

น.ส.จิตรา อมรธรรม กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นเป็นขาลงชัดเจน กราฟทางเทคนิคจะต้องลงไปถึงระดับ 1,094 จุด ซึ่งจะต้องติดตามว่าจะเด้งขึ้นหรือไม่ แต่ที่ผ่านมาดัชนีพยายามทดสอบระดับ 1,120 จุด หลายครั้ง ก็ต้านทานแรงขายไม่ไหว รอบนี้สถานการณ์การเมืองเพิ่งเริ่มต้น หากพรรคภูมิใจไทยออก รัฐบาลเสียงทั้งหมด ปิ่มมาก จะต้องนับเสียงอีกรอบ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยต่างประเทศ เช่น สถานการณ์ตะวันออกกลางมากดดันการลงทุน

” กลยุทธ์จะต้องเลือกหุ้นรายตัวที่มีปัจจัยบวก เช่น MINT บวก 0.20 บาท ปิดที่ 23.20 บาท เพราะธุรกิจโรงแรมส่วนใหญ่อยู่แถวยุโรป ในช่วงเทศกาลท่องเที่ยวจะสร้างรายได้และกำไรที่ดี แต่เชื่อว่านักลงทุนบางส่วน โดยเฉพาะสถาบันจะต้องขายหุ้น ถือเงินให้มากที่สุด เพื่อรอดูสถานการณ์ให้ชัดเจนก่อนกลับเข้ามาลงทุนอีกครั้ง”น.ส.จิตรากล่าว

ทางด้านบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) มองสถานการณ์การเมืองยังเป็นปัจจัยกดดัน SET Index จนกว่าจะมีความชัดเจน ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศยังต้องติดตามผลประชุมเฟดคืนนี้ และสถานการณ์ในตะวันออกกลาง นอกจากนี้ ตลาดหุ้นไทยยังถูกลดน้ำหนักในวันปรับดัชนี FTSE วันศุกร์ที่ 20 มิ.ย.นี้ด้วย

ในเชิงกลยุทธ์ คาดหุ้น Global Play เช่น พลังงานต้นน้ำและโรงกลั่น (PTTEP, BANPU, TOP, SPRC, PRM) ยังมีโอกาสเคลื่อนไหวได้ดีกว่า Domestic Play หรืออาจเลือกพักเงินใน REIT เช่น 3BBIF, CPNREIT, INETREIT ระหว่างรอปัจจัยการเมืองคลายตัว

ตลาดหุ้นไทยที่ดิ่งแรงวันนี้ ไม่สนใจปัจจัยบวก เช่น ในเดือนพ.ค.2568 มีมูลค่าการส่งออก 31,044 ล้านดอลลาร์ พุ่งขึ้นถึง 18.4% หนุนธุรกิจส่งออก เช่นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ อาทิ HANA,KCE

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกในเดือนพ.ค.ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 และสูงสุดในรอบ 38 เดือน นับตั้งแต่มี.ค. 2565 ส่งผลให้ช่วง 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค.) มีมูลค่ารวม 138,202 ล้านดอลลาร์ ขยายตัวถึง 14.9% ทำให้มั่นใจว่าปีนี้จะไม่ติดลบอย่างที่หลายฝ่ายคาด มองว่ายังมีโอกาสจะเติบโตได้ในระดับ 2 หลัก อยากเห็น 10%

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะทีมเจรจาฝ่ายไทย เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (18 มิ.ย.) ตนและทีมประเทศไทย ได้เจรจาผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ กับสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) เป็นเวลา 2 ชั่วโมง กรณีที่สหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) กับประเทศคู่ค้า โดยสหรัฐฯ ได้ยื่น 5 ข้อเสนอหลักมาให้ไทยพิจารณา เพื่อสร้างสมดุลทางการค้าระหว่าง 2 ฝ่าย ประกอบด้วย 1. มาตรการทางภาษี และโควตา 2. มาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (NTB) 3. การค้าดิจิทัล 4. แหล่งกำเนิดสินค้า และ 5. ความมั่นคงภายในประเทศและเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยจะยื่นรายละเอียดให้สหรัฐฯ พิจารณาในวันที่ 20 มิ.ย.นี้ โดยจะมีทั้งการลดภาษีนำเข้าสินค้าบางรายการ, การซื้อเครื่องบินโบอิ้ง อาวุธยุทโธปกรณ์ จากสหรัฐ และการลดมาตรการ NTB เป็นต้น

” หากเจรจาไม่ทันภายในกรอบระยะเวลา 90 วัน หรือวันที่ 8 ก.ค.นี้ เชื่อว่า สหรัฐฯ จะขยายเวลาออกไป หวังว่าไทยจะถูกเก็บภาษีในอัตราภาษีไม่เกิน 10% “นายวุฒิไกรกล่าว

สำหรับการประชุมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจวันนี้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมเห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจล็อตแรก รวมวงเงินประมาณ 1.1 แสนล้านบาท ที่จะใช้จากงบกลางเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท และจะนำเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัปดาห์หน้า

ทั้งนี้ โครงการส่วนใหญ่ถึง 70% เกี่ยวกับเรื่องน้ำ และการคมนาคม รองลงมา 10% เป็นโครงการที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว คาดว่า ภายใต้โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ จะช่วยเพิ่ม GDP อีก 0.4% แต่หากมีการใช้งบประมาณทั้งก้อนที่ 1.57 แสนล้านบาท จะเพิ่มอีก 0.5-0.6%