
โดย..สาธิต บวรสันติสุทธิ์, CFP นักวางแผนการเงิน
พรสวรรค์ หรือ ความสามารถพิเศษ คือความถนัดที่มีติดตัวมาแต่เกิด แต่ลำพังพรสวรรค์อย่างเดียวไม่เพียงพอให้เราเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ เราต้องมีพรแสวง คือ การฝึกฝนอย่างถูกต้องจนมีความสามารถให้คนทั้งหลายได้ประจักษ์ ดังนั้น พรสวรรค์ต้องคู่กับพรแสวงจึงจะเป็นพรสวรรค์ที่สมบูรณ์
ถามว่าระหว่าง “พรสวรรค์” กับ “พรแสวง” อะไรมีผลต่อความสำเร็จมากกว่ากัน คำตอบก็คงเหมือนคำคมที่เราคุ้นเคย “ความสำเร็จประกอบไปด้วย พรสวรรค์ 1% และความพยายามอีก 99%”
หลายคนอาจนึกในใจว่า ที่ผมสามารถหารายได้จากการเขียนหนังสือ เป็นวิทยากรบรรยาย มีรายได้หลังเกษียณ เป็นเพราะผมมีพรสวรรค์ด้านการเขียน ผมมีประสบการณ์และความรู้ทางการเงินเยอะ ก็ทำได้ จริงๆนะถ้าถามว่า “ความรู้ทางการเงินผมมากอยู่ในอันดับต้นๆของอุตสาหกรรมหรือเปล่า?” ผมก็กล้ายืนยันนะว่า “ไม่” ความรู้ผมอยู่ในระดับปานกลางเท่านั้น แต่ถ้าถามใหม่ว่า “ชื่อเสียงผมอยู่ในอันดับต้นๆของอุตสาหกรรมหรือเปล่า?” ผมก็กล้าตอบนะว่า “ใช่” แปลว่า ความรู้สำคัญต่อการมีชื่อเสียงก็จริง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด สังคมไม่ต้องการสูตรคำนวณทางการเงินที่ซับซ้อน สังคมต้องการข้อมูลที่ง่ายๆ ใช้งานได้จริง ซึ่งความรู้ระดับปานกลางก็เพียงพอแล้ว แต่สิ่งที่สำคัญ ก็คือ เราสร้างโอกาสให้กับตนเองหรือเปล่า ผมสร้างโอกาสให้กับตัวเองมาตลอดชีวิตการทำงาน ด้วยการสร้างพรแสวง
เมื่อเราในฐานะมนุษย์เงินเดือนสามารถเพิ่มรายได้ได้หลายวิธี วิธีไหนดีกว่ากันคงตอบได้ยากขึ้นอยู่กับทักษะ โอกาสของแต่ละคน แต่อย่างไรก็ตาม การพัฒนาทักษะไม่ว่าจะเป็นทักษะที่มีอยู่เดิม หรือ ทักษะใหม่ ล้วนเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ทั้งนั้น หากเรามาดูงานวิจัยและข้อมูลเชิงสถิติที่สนับสนุนประสิทธิภาพของแต่ละวิธี ดังนี้
1. การพัฒนาทักษะเพื่อเพิ่มโอกาสในการเลื่อนตำแหน่งหรือเปลี่ยนงาน (Upskilling/Reskilling)
– รายงานของ LinkedIn (2023) พบว่า 87% ของผู้จัดการการจ้างงานเชื่อว่าการพัฒนาทักษะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้งานที่ดีขึ้น
– ข้อมูลจาก World Economic Forum (2023) ชี้ว่า ทักษะด้านดิจิทัล (Data Analysis, AI, Programming) สามารถเพิ่มรายได้เฉลี่ย 20-40%
– Glassdoor (2024) รายงานว่า พนักงานที่เปลี่ยนงานทุก 2-3 ปี มีรายได้เพิ่มขึ้น 10-15% เทียบกับผู้ที่อยู่กับที่เดิม
2. งานเสริมแบบ Freelance หรือ Side Hustle
– Upwork (2023) สำรวจพบว่า 59% ของมนุษย์เงินเดือนในสหรัฐฯ มีงานเสริม โดยมีรายได้เพิ่มเฉลี่ย $500–$2,000/เดือน
– วิจัยจาก McKinsey (2022) พบว่า 40% ของผู้มีงานเสริมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สามารถเพิ่มรายได้หลัก 15-30%
3. การลงทุนในหุ้น กองทุน หรืออสังหาริมทรัพย์
– ดัชนี S&P 500 (10 ปีย้อนหลัง) ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย ประมาณ 10% ต่อปี
– งานวิจัยของธนาคารแห่งประเทศไทย (2023) พบว่า การลงทุนในกองทุนรวมให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 5-8% ต่อปี
– ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ (2565) ชี้ว่า การปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ ให้ผลตอบแทน 4-6% ต่อปี
4. การสร้างธุรกิจส่วนตัว (Side Business)
– สำรวจโดย Shopify (2023) พบว่า 35% ของมนุษย์เงินเดือนที่ขายของออนไลน์เสริม มีรายได้เพิ่ม 10,000–50,000 บาท/เดือน
– งานวิจัยของ Harvard Business Review (2022) ชี้ว่า ธุรกิจส่วนตัวที่เริ่มจากงานอดิเรก (เช่น อบขนม, สอนออนไลน์) สามารถสร้างรายได้เพิ่ม 20-50%
5. Passive Income (รายได้แบบไม่ต้องทำงานต่อเนื่อง)
– ข้อมูลจาก NerdWallet (2024) พบว่า การเขียน eBook หรือสร้างคอร์สออนไลน์สามารถสร้างรายได้ $200–$5,000/เดือนในระยะยาว
– รายงานของ The Motley Fool (2023) ชี้ว่า การลงทุนใน Dividend Stocks ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 3-6% ต่อปี
เสียดายที่ข้อมูลส่วนใหญ่จะมาจากต่างประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม ก็น่าจะเป็นแนวทางสำหรับพวกเราได้ ก็หวังว่าคำแนะนำเหล่านี้จะช่วยให้เรามีไอเดียในการสร้างรายได้เพิ่มเติมกันครับ แต่มีแค่ไอเดียไม่พอนะ สำคัญคือ “ต้องทำ” ด้วย
