BCPG เจรจาซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในต่างประเทศ 4-5 แห่ง สรุปผลเจรจาต้นปีหน้า บริษัทวางแผน 5 ปีตั้งงบลงทุน 4 หมื่นล้านบาท เป้า EBITDA เติบโตเฉลี่ย 13-15% ในปี 2562-2566
นายชาญวิทย์ ตรังอดิศัยกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท บีซีพีจี (BCPG) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในช่วง 5 ปี (2562-2566) บริษัทตั้งงบลงทุนที่ระดับ 40,000 ล้านบาท เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการสร้างกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อม (EBITDA) เติบโตเฉลี่ย 13-15% ต่อปี จากโรงไฟฟ้าที่จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) อย่างต่อเนื่อง และการเข้าซื้อกิจการ
“เราต้องการเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าในมือ โดยมุ่งเน้นการซื้อกิจการในพลังงานสะอาดที่เปิดดำเนินการแล้วและอยู่ระหว่างก่อสร้างในแถบเอเซียแปซิฟิกที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง ได้แก่ประเทศออสเตรเลีย เวียดนาม สปป.ลาว ใต้หวัน และเกาหลีใต้”นายชาญวิทย์กล่าว
ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาและเจรจาเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้า 4-5 โครงการในเวียดนาม ออสเตรเลีย และ สปป.ลาว โดยมุ่งเน้นในโครงการที่มีขนาด 100-300 เมกะวัตต์ คาดว่าจะมีความชัดเจนในปี 2562 เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการของปี 2562 วางเป้าจะมี EBITDA เติบโต 15% จากปี 2561 เนื่องจากบริษัทจะมีโครงการพลังงานลมที่กำหนด COD จำนวน 10 เมกะวัตต์ (MW) และบันทึกรายได้ต่อเนื่องจากโครงการที่ COD แล้ว
ส่วนผลการดำเนินงานในปี 2562 โรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศไทย ขนาด 10 เมกะวัตต์ ขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้าง คาดว่าจะ COD ช่วงต้นปี 2562 และจะเริ่มรับรู้รายได้ทันที โครงการดังกล่าวได้รับ Adder ที่ระดับ 3.50 บาท ส่งผลให้บริษัทจะมีโครงการที่ COD แล้วรวมทั้งสิ้นราว 390 เมกะวัตต์
ขณะเดียวกันบริษัทตั้งงบลงทุน จำนวน 5,000 ล้านบาท รองรับการลงทุนของโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 191.30 เมกะวัตต์ ได้แก่ โครงการพลังงานลมในประเทศไทยจำนวน 10 MW กำหนด COD ต้นปี 62 ส่วนในประเทศญี่ปุ่นอีก 151.30 MW รวมถึงฟิลิปปินส์ 6 MW และประเทศอินโดนีเซีย 24 MW ที่จะทยอย COD อย่างต่อเนื่องในอนาคต
ปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่ COD แล้วจำนวน 381 เมกะวัตต์ ได้แก่ ในประเทศไทยจำนวน 192 เมกะวัตต์ รวมถึงประเทศญี่ปุ่น 17.4 เมกะวัตต์ ขณะที่ฟิลิปปินส์ 14 เมกะวัตต์ และอินโดนีเซีย 157.5 เมกะวัตต์
แนวโน้มผลประกอบการในปี 2561 ยังคงเป้า EBITDA เติบโต 10-15% เนื่องจากบริษัทจะรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 381 เมกะวัตต์ และบริษัทมีการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ