HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 54 จุด ท่ามกลางการซื้อขายผันผวน นักลงทุนมองข้ามสงครามการค้า หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุจีนละเมิดข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ อย่างสิ้นเชิง โดยไม่ได้เปิดเผยรายละเอียด ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ”ปรับตัวลดลง ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 30 พฤษภาคม 2568 ปิดที่ 42,270.07 จุด เพิ่มขึ้น 54.34 จุด หรือ +0.13% ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน นักลงทุนมองข้ามสงครามการค้า หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่าจีนละเมิดข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ อย่างสิ้นเชิง โดยไม่ได้ให้รายละเอียดที่ชัดเจน
ดัชนี S&P500 ปิดที่ ที่ 5,911.69 จุด ลดลง 0.48 จุด, -0.01%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,113.77 จุด ลดลง 62.11 จุด, -0.32%
หุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัวจากการที่ร่วงลงในช่วงเช้ามาปิดท้ายเดือนที่ผันผวนแต่แข็งแกร่ง ดัชนี S&P 500 เดือนพฤษภาคมเป็นเดือนที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 1990 และเดือนที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2023 โดยเพิ่มขึ้น 6.2% ขณะที่ Dow เพิ่มขึ้น 3.9% ในเดือนนี้ และ Nasdaq พุ่งขึ้น 9.6% จากความแข็งแกร่งของกลุ่มเทคโนโลยี
ตลอดสัปดาห์นี้ ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 1.9% ขณะที่ดัชนี Dow เพิ่มขึ้น 1.6% ดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 2%
หุ้นร่วงลงอย่างหนักในช่วงเช้า หลังจากที่ทรัมป์โพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดียว่าจีน ละเมิด ข้อตกลงการค้าปัจจุบันกับสหรัฐฯ ต่อมา Bloomberg รายงานอ้างแหล่งข่าวใกล้ชิด ระบุว่ารัฐบาลมีแผนที่จะขยายขอบเขตข้อจำกัดต่อภาคเทคโนโลยีของจีน รายงานดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวให้สัมภาษณ์กับ Fox News ว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน หยุดชะงักเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามปฏิกิริยาโดยรวมของตลาดกลับค่อนข้างเงียบ เพราะมองว่าหากทรัมป์ขู่ทำสงครามการค้าในที่สุดเขาก็ถอย หลังจากทรัมป์กล่าวในช่วงบ่ายของวันว่า เขาจะพูดคุยกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน และหวังว่าจะสามารถแก้ไขความขัดแย้งด้านการค้าและภาษีได้
นักลงทุนย่อยข้อมูลเศรษฐกิจ โดยกระทรวงพาณิชย์รายงาน ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ ดัชนี PCE ทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงานเดือนเมษายนเพิ่มขึ้น 2.1% เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่า 2.2% ที่นักวิเคราะห์คาด จากที่เพิ่มขึ้น 2.3% ในเดือนมีนาคม และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE ทั่วไปเพิ่มขึ้น 0.1% สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาด จากที่ไม่เปลี่ยนแปลงในเดือนมีนาคม
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 2.5% เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาด จาก 2.7% ในเดือนมีนาคม และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE พื้นฐาน เพิ่มขึ้น 0.1% สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จาก 0.1% ในเดือนมีนาคม
นักลงทุนมองว่าตัวเลขเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำอาจไม่ส่งผลกระทบต่อจุดยืนของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ เนื่องจากผู้กำหนดนโยบายยังคงมองเห็นความเสี่ยงที่ภาษีศุลกากรจะดันให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น
ด้านมหาวิทยาลัยมิชิแกนเผยผลสำรวจผู้บริโภคที่มีมุมมองในแง่ลบน้อยลงและกังวลต่อเงินเฟ้อน้อยลงหลังจากที่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนเริ่มคลี่คลาย
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพฤษภาคมอยู่ที่ 52.2 ซึ่งทรงตัวจากเดือนเมษายน แต่ลดลง 24.5% จากปีก่อน
สำหรับแนวโน้มเงินเฟ้อ ผุ้บริโภคมองเงินเฟ้อในระยะ 1 ปีที่ 6.6% ซึ่งยังคงสูงขึ้น แต่ลดลงมากกว่าครึ่งเปอร์เซ็นต์จากระดับกลางเดือน สำหรับแนวโน้มเงินเฟ้อในระยะ 5 ปี มองที่ลดลงเล็กน้อยเหลือ 4.2% ซึ่งถือเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธันวาคม
หุ้น Costco บริษัทค้าส่งเพิ่มขึ้นกว่า 3% จากผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ของปีบัญชีสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ ขณะที่ยอดขายพุ่งขึ้น 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกและปิดท้ายเดือนด้วยการปรับขึ้นในสภาพแวดล้อมการค้าที่ยังไม่แน่นอน ขณะที่นักลงทุนประเมินความคืบหน้าล่าสุดของแผนภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ หลังจากทรัมป์กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่าจีนละเมิดข้อตกลงเรื่องภาษีและขู่ใช้มาตรการเข้มงวดกับปักกิ่งอีกครั้ง โดยไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดใดๆ
ดัชนี STOXX 600 ยังคงปรับเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน โดยเพิ่มขึ้นประมาณ 4% และปิดสัปดาห์ในระดับสูงเช่นกัน เนื่องจากนักลงทุนได้ประโยชน์จากการตัดสินใจของทรัมป์ที่จะเลื่อนการขึ้นภาษีกับสหภาพยุโรป ซึ่งเปิดโอกาสให้ยุโรปสามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯได้ บวกกับความกังวลด้านการคลังของสหรัฐฯ ล่าสุดทำให้บรรดานักลงทุนแห่เข้าซื้อสินทรัพย์นอกสหรัฐฯ
ในวันศุกร์ กลุ่มอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ปรับขึ้น โดยหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มการแพทย์เพิ่มขึ้น 0.8% หุ้นกลุ่มก่อสร้างและวัสดุปรับตัวลดลง 1% ไปที่ระดับต่ำสุด
ดัชนีอุตสาหกรรมการบินและการป้องกันประเทศของยุโรปเป็นดัชนีที่ปรับขึ้นมากสุดในเดือนนี้ โดยเพิ่มขึ้นประมาณ 14% เนื่องจากความหวังเกี่ยวกับการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนริบหรี่ทำให้บรรดานักลงทุนตัดสินใจซื้อหุ้นกลุ่มนี้
ดัชนี DAX 40 ของเยอรมนีปิดตลาดสูงขึ้น 0.3% ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อของเยอรมนีลดลงในเดือนพฤษภาคม ทำให้เข้าใกล้เป้าหมาย 2% ของธนาคารกลางยุโรป และสนับสนุนให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า
ข้อมูลอีกชุดแสดงให้เห็นว่ายอดขายปลีกของเยอรมนีลดลง 1.1% ในเดือนเมษายนเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 548.67 จุด เพิ่มขึ้น 0.79 จุด, +0.14%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,772.38 จุด เพิ่มขึ้น 55.93 จุด, +0.64%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,751.89 จุด ลดลง 27.83 จุด, -0.36%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,997.48 จุด เพิ่มขึ้น 64.25 จุด, +0.27%
หุ้น M&G บริษัทประกันและบริษัทจัดการสินทรัพย์ของอังกฤษ พุ่งขึ้น 5.5% หลังจากบริษัทประกาศว่า Dai-Ichi Life Holdings ซึ่งเป็นบริษัทประกันชีวิตของญี่ปุ่น จะเข้าถือหุ้น 15% ในบริษัทซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงเชิงกลยุทธ์
หุ้น Sanofi บริษัทยาของฝรั่งเศส ร่วงลง 4.8% สู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี หลังจากที่ยา Itepekimab ซึ่งเป็นยาทดลองของบริษัทไม่เป็นไปตามเงื่อนไขบางประการได้
หุ้น Carrefour ร่วงลง 6% จากการซื้อขายหลังปิดสมุดทะเบียนรับเงินปันผล (X-D)
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคมลดลง 15 เซนต์ หรือ 0.25% ปิดที่ 60.79 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม ลดลง 25 เซนต์ หรือ 0.39% ปิดที่ 63.90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
———————————————————————————————————————————————————–

