HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดร่วงแรง ดาวโจนส์ทรุด 816 จุด แรงเทขายหลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลพุ่ง กังวลงบประมาณฉบับใหม่ดันหนี้สหรัฐพุ่งสูงขึ้น ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ปรับตัวลดลง ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดทรงตัว
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 21 พฤษภาคม 2568 ปิดที่ 41,860.44 จุด ลดลง 816.80 จุด หรือ -1.91% ด้วยแรงเทขายหลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลพุ่งสูงและความกังวลว่างบประมาณฉบับใหม่จะยิ่งทำให้หนี้สหรัฐพุ่งสูงขึ้น
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,844.61 จุด ลดลง 95.85 จุด, -1.61%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,872.64 จุด ลดลง 270.07 จุด, -1.41%
การประมูลพันธบัตรรัฐบาลอายุ 20 ปี ในวงเงิน 16 พันล้านดอลลาร์ที่มีการตอบรับน้อย แต่จบลงที่อัตราดอกเบี้ยสูงกว่า 5% ซึ่งเป็นสัญญาณว่านักลงทุนต้องการอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นเพื่อถือครองหนี้สหรัฐฯ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้น โดยอัตราผลตอบ แทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปีล่าสุดซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 5.09% แตะระดับสูงสุดในเดือนตุลาคม 2023 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีซื้อขายอยู่ที่ 4.59%
พันธบัตรระยะยาวถูกขายออกเนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าร่างงบประมาณฉบับใหม่จะทำให้การขาดดุลงบประมาณของสหรัฐฯ แย่ลง และจับตาร่างกฎหมายปรับลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลของสหรัฐฯของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์อย่างใกล้ชิด ขณะที่พรรครีพับลิกันตั้งเป้าที่จะเตรียมร่างกฎหมายภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ให้พร้อมสำหรับการลงมติในสภาผู้แทนราษฎร
ชิป ฮิวอี้ จาก Truist Advisory Services กล่าวว่า แม้การตัดสินใจของ Moody’s ที่ปรับลดระดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ จาก Aaa เป็น Aa1 เมื่อวันศุกร์ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ก็ช่วยย้ำประเด็นสำคัญคือ ภาวะขาดดุลงบประมาณและภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐฯ
อัตราส่วนหนี้ของรัฐบาลกลางต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(GDP) หรือมูลค่ารวมของสินค้าและบริการที่ผลิตในระบบเศรษฐกิจ อยู่ที่ 123% ในปี 2024 เพิ่มขึ้นจาก 104% ในปี 2017 ตามข้อมูลของกระทรวงการคลัง
ดัชนี CBOE Volatility Index ซึ่งเป็นมาตรวัดความกังวลของวอลล์สตรีทพุ่งขึ้นกว่า 15%
ในขณะเดียวกัน สหรัฐฯ และจีนเริ่มมีเรื่องบาดหมางกันอีกครั้งในเรื่องชิปหลังจากตกลงที่จะหยุดการขึ้นภาษีชั่วคราวไม่ถึงสองสัปดาห์ จีนกล่าวว่าคำเตือนของรัฐบาลทรัมป์เกี่ยวกับการใช้ชิป AI ของ Huawei ได้ทำลายการเจรจาการค้าล่าสุดที่เจนีวา ส่งผลให้ข้อตกลงการค้าที่เปราะบางนี้ตกอยู่ในความเสี่ยงและเกิดความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ
ความกังวลเกี่ยวกับสกุลเงินก็ส่งสัญญาณเตือนเช่นกัน เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบสองสัปดาห์ โดยเทรดเดอร์จับตาการประชุมกลุ่ม G-7 ที่เพื่อหาสัญญาณว่ารัฐบาลทรัมป์อาจสนับสนุนสกุลเงินที่อ่อนค่าลง
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐซึ่งใช้วัดความแข็งแกร่งของเงินดอลลาร์เทียบกับสกุลเงินต่างประเทศหลัก 6 สกุล ลดลง 0.5%
หุ้น Target บริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐฯ ร่วงลง 5.2% หลังจากเปิดเผยกำไรและรายได้ไตรมาสแรกที่ต่ำกว่าคาด พร้อมปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีบัญชี 2025
หุ้น UnitedHealth Group บริษัทประกันสุขภาพรายใหญ่ของสหรัฐฯ ร่วงลง 5.78% หลังจากหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนรายงานว่า บริษัทแอบจ่ายเงินพิเศษให้กับบ้านพักคนชราเป็นมูลค่าหลายพันดอลลาร์ เพื่อช่วยลดการส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาล
หุ้น Nike ร่วงลงกว่า 4% หลังจากมีรายงานว่ารองเท้าผ้าใบที่มีราคาแพงที่สุดบางรุ่นกำลังจะมีราคาแพงขึ้นอีกเล็กน้อย
หุ้น 6 ตัวในกลุ่ม Magnificent 7 ปิดลบ ยกเว้น Alphabet ที่เพิ่มขึ้นกว่า 2.5%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลง จากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มทั่วไปมากกว่าหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยและค้าปลีกที่ลดลง ขณะที่นักลงทุนจับตาดูร่างกฎหมายลดหย่อนภาษีในสหรัฐฯ
หุ้นกลุ่มค้าปลีกส่งผลกระทบอย่างหนักต่อตลาด โดยลดลง 0.8%
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 553.82 จุด ลดลง 0.20 จุด, -0.04%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,786.46 จุด เพิ่มขึ้น 5.34 จุด, +0.06%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ ,910.49 จุด ลดลง 31.93 จุด, -0.40%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,122.40 จุด เพิ่มขึ้น 86.29 จุด, +0.36%
หุ้น JD Sports ในลอนดอนร่วงลง 10.6% สู่ระดับต่ำสุดของ STOXX 600 หลังจากรายงานยอดขายในไตรมาสแรกลดลง 2% และเตือนว่าราคาที่สูงขึ้นในตลาดหลักในสหรัฐฯ อาจส่งผลกระทบต่อความต้องการของลูกค้า
หุ้น LVMH, Hermes และ Kering รวมถึงหุ้นอื่นๆ ร่วงลงกว่า 2% หลังจากที่ สินค้าหรูหรา Chanel รายงานว่ายอดขายลดลง 4.3%
ในทางกลับกัน หุ้นเทคโนโลยีกลับเป็นหุ้นที่ปรับขึ้นมากที่สุด โดยหุ้น Infineon ผู้ผลิตชิปสัญชาติเยอรมันพุ่งขึ้น 2.3% หลังจากที่บริษัทประกาศว่าจะทำงานร่วมกับ Nvidia เพื่อพัฒนาชิปสำหรับระบบจ่ายพลังงานแบบใหม่ภายในศูนย์ข้อมูลปัญญาประดิษฐ์ เป็นแรงหนุนต่อกลุ่ม
ขณะเดียวกัน ยังมีความกังวลเกี่ยวกับความคืบหน้าที่ไม่ชัดเจนเกี่ยวกับข้อตกลงการค้า ก่อนเวลาระงับใช้มาตรการภาษีนำเข้าเป็นเวลา 90 วันจะมีผล รวมถึงร่างกฎหมายภาษีสหรัฐฯ ฉบับใหญ่ ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของประเทศ
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 46 เซนต์ หรือ 0.74% ปิดที่ 61.57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม ลดลง 47 เซนต์ หรือ 0.72% ปิดที่ 64.91 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
———————————————————————————————————————————————————–

