HoonSmart.com>>ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คงประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 68 โต 1.4% แนวโน้มไตรมาส 2/68 ขยายตัวในอัตราที่ชะลอ และช่วงที่เหลือของปียังมีความไม่แน่นอนสูง หลังไทยยังไม่กำหนดเวลาชัดเจนในการเจรจาการค้ากับสหรัฐ และแรงส่งจากท่องเที่ยวปีนี้คาดจะติดลบ โดยได้ปรับลดประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวปีนี้ลงมาอยู่ที่ 34.5 ล้านคน หดตัวจากปีก่อนหน้า 2.8%
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังคงประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 ไว้ที่ 1.4% ทิศทางเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปี 2568 ยังมีความไม่แน่นอนสูง แม้สหรัฐฯ จะเริ่มมีข้อตกลงทางการค้าออกมา โดยเฉพาะกับจีนแต่การบรรลุข้อตกลงกับไทยยังไม่มีกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจน ในขณะที่แรงส่งจากท่องเที่ยวในปีนี้คาดว่าจะติดลบ
เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงในไตรมาส 2/2568 แม้สหรัฐฯ จะระงับการปรับขึ้นภาษีตอบโต้(Reciprocal Tariffs) ไป 90 วันไปจนถึงวันที่ 9 ก.ค. เนื่องจากมีการเร่งส่งออกก่อนการปรับขึ้นภาษีไปค่อนข้างมากแล้วในไตรมาส 1/2568 ส่งผลให้ระดับสินค้าคงคลังในสหรัฐฯอยู่ในระดับค่อนข้างสูง ขณะที่ในไตรมาส 2/2568 สหรัฐฯ เริ่มมีการเรียกเก็บภาษีพื้นฐาน(Baseline Tariffs)ที่ 10% ดังนั้นคาดว่าการส่งออกไทยในไตรมาส 2/2568 จะยังคงรักษาการขยายตัวเป็นบวกได้ แต่ในอัตราที่ชะลอลงอย่างมาก
การบรรลุข้อตกลงทางการค้าเบื้องต้นระหว่างสหรัฐฯและจีนที่จะปรับลดภาษีตอบโต้กับจีนมาอยู่ที่ 30% เป็นระยะเวลา 90 วัน คาดว่าจะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจไทยจำกัด เนื่องจากอัตราภาษีปัจจุบันที่สหรัฐฯ เรียกเก็บจากจีนอยู่ที่ 51%(หากนับรวมอัตราภาษีที่เรียกเก็บตั้งแต่สมัยทรัมป์ 1.0) ซึ่งนับว่าเป็นอัตราที่สูงกว่าคู่ค้าสหรัฐฯ รายอื่นๆ อย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่หลังจากสิ้นสุด 90 วัน ความไม่แน่นอนยังคงมีอยู่สูง โดยข้อเรียกร้องของสหรัฐฯให้จีนให้ปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจภายในประเทศอาจไม่สามารถทำได้โดยง่าย ดังนั้นโอกาสที่ความตึงเครียดทางการค้าจะยกระดับขึ้นยังคงมีอยู่
ผลการเจรจาของสหรัฐฯ กับไทยยังมีความไม่แน่นอนสูง แม้สหรัฐฯ จะมีการบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นกับสหราชอาณาจักรและจีน รวมถึงเริ่มมีการเจรจาการค้ากับประเทศต่างๆ อาทิ อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ขณะที่ไทยมีความคืบหน้าในการส่งข้อเสนอไปยังผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) แล้วแต่ยังไม่มีกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจนส่งผลให้ไทยเผชิญความเสี่ยงที่การเจรจาอาจล่าช้าออกไป ซึ่งหากไทยเผชิญอัตราภาษีที่สูงกว่าประเทศคู่แข่งอื่นๆ คาดว่าจะส่งผลให้การส่งออกไทยหดตัวลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้
การท่องเที่ยวที่เคยเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทยคาดว่าจะหดตัวในปี 2568 จากความท้าทายจากทั้งเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวของไทยลดลง พฤติกรรมนักท่องเที่ยวและความต้องการด้านการท่องเที่ยวเปลี่ยนไป รวมถึงปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้อย่างปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ส่งผลให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยปรับลดประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวในปีนี้ลงมาอยู่ที่ 34.5 ล้านคน หรือหดตัวจากปีก่อนหน้า 2.8%
ทั้งนี้ GDP ไตรมาส 1/2568 ขยายตัวที่ 3.1% YoY และ 0.7% QoQ เนื่องจากดุลการค้าที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากจากการเร่งส่งออกก่อนการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ประกอบกับการลงทุนภาครัฐที่เร่งขึ้นอย่างมากจากฐานที่ต่ำในช่วงไตรมาส 1/2567 อย่างไรก็ดีสินค้าคงคลังและการลงทุนภาคเอกชนยังเป็นแรงฉุดเศรษฐกิจ
