HoonSmart.com>>ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 271 จุด บอนด์ยีลด์ปรับตัวลงท่ามการซื้อขายผันผวน ตลาดกำลังจับตาปัจจัยใหม่หลังจากรับข่าวการสงบศึกการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนเต็มที่แล้วนักลงทุนย่อยผลประกอบการ Walmart ได้รับผลกระทบจากภาษีศุลกากร ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ลดลง ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 15 พฤษภาคม 2568 ปิดที่ 42,322.75 จุด เพิ่มขึ้น 271.69 จุด หรือ +0.65% จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวลง ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ขณะที่นักลงทุนย่อยผลประกอบการของ Walmart ที่ได้รับผลกระทบจากภาษีศุลกากร รวมไปถึงข้อมูลยอดค้าปลีกและเงินเฟ้อเพื่อประเมินความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,916.93 จุด เพิ่มขึ้น 24.35 จุด, +0.41%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,112.32 จุด ลดลง 34.49 จุด, -0.18%
ดัชนี S&P 500 ปรับขึ้นเป็นวันที่ 4 ด้วยแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคที่เพิ่มขึ้นกว่า 2%
ตลาดกำลังจับตาปัจจัยใหม่หลังจากที่รับข่าวการสงบศึกการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนเต็มที่แล้ว และในวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่าอินเดียได้เสนอที่จะไม่เรียกเก็บภาษีนำเข้าจากสินค้าสหรัฐฯ เพื่อช่วยให้บรรลุข้อตกลงการค้าได้
อย่างไรก็ตาม คำชี้แจงของบริษัทและข้อมูลเศรษฐกิจยังคงแสดงให้เห็นความเป็นจริงที่แตกต่างออกไปเล็กน้อย โดยในผลประกอบการรายไตรมาส Walmart ระบุว่าราคาสินค้าจะต้องปรับขึ้น เนื่องจากไม่สามารถหลีกเลี่ยงการส่งผ่านต้นทุนภาษีศุลกากรที่สูงให้กับลูกค้าได้ ราคาหุ้น Walmart ลดลงไม่ถึง 1%
ในขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์รายงานยอดค้าปลีกในเดือนเมษายนชะลอตัวลงอย่างรวดเร็ว โดยเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย 0.1% เมื่อเทียบราย แต่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าทรงตัว จากที่เพิ่มขึ้น 1.7% ในเดือนมีนาคมด้วยการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนการขึ้นภาษี
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ลดลงแตะระดับ 4.43% หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงาน ดัชนีราคาผู้ผลิต(Producer Price Index:PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิตเดือนเมษายนที่ชะลอตัวลงเกินคาด แล้ว แม้ภาษีของทรัมป์หลายรายการจะเริ่มมีผลบังคับใช้แล้ว โดยลดลง 0.5% เมื่อเทียบรายเดือน แต่เพิ่มขึ้น 2.4% เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่ 2.5% นักวิเคราะห์คาด ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน (Core PPI) ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 3.1% เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องที่นักวิเคราะห์คาด
ส่วนข้อมูลอื่นได้แก่จำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้วซึ่งทรงตัวที่ 229,000 ราย และสอดคล้องที่นักวิเคราะห์คาด
ประธานเฟด ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เตือนอีกครั้งในกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุม Thomas Laubach Research Conference เมื่อคืนนี้ เกี่ยวกับความไม่แน่นอน ทางเศรษฐกิจในวงกว้าง โดยกล่าวว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจกำลังเข้าสู่ช่วงที่มีภาวะช็อกด้านอุปทาน (supply shocks ) บ่อยครั้งขึ้นและอัตราเงินเฟ้อผันผวน
หุ้น Meta ลดลงกว่า 2% จากรายงานของ The Wall Street Journal ว่ายักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีรายนี้จะชะลอการเปิดตัวโมเดล AI เรือธง
หุ้น UnitedHealth Group ร่วงลง 11% หลังจาก The Wall Street Journal รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กำลังดำเนินการสอบสวนทางอาญากับบริษัท
ในข้อหาที่อาจเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงโครงการ Medicare หรือโครงการประกันสุขภาพของรัฐบาลสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี บริษัทกล่าวว่ายังไม่ได้รับแจ้งถึงการสอบสวนทางอาญาจากอัยการของรัฐบาลกลาง
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกจากที่ร่วงลงในช่วงแรกของการซื้อขาย โดยหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมปรับขึ้นมากสุด ขณะที่นักลงทุนจับตาการรายงานผลกำไรของบริษัท
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 546.95 จุด เพิ่มขึ้น 3.07 จุด, +0.56%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,633.75 จุด เพิ่มขึ้น 48.74 จุด, +0.57%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,853.47 จุด เพิ่มขึ้น 16.68 จุด, +0.21%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,695.59 จุด เพิ่มขึ้น 168.58 จุด, +0.72%
หุ้นกลุ่มป้องกันประเทศส่วนใหญ่ปรับตัวสูงขึ้น โดยหุ้น Hensoldt เพิ่มขึ้น 8.8% หุ้น Rheinmetall เพิ่มขึ้น 5.7% และหุ้น Leonardo เพิ่มขึ้น 4% ดัชนีอุตสาหกรรมการบินและอวกาศและการป้องกันประเทศโดยรวมในยุโรปปรับตัวขึ้น 2.3% หลังประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินแห่งรัสเซียปฏิเสธข้อเสนอให้พบกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีแห่งยูเครนในตุรกีแบบเจอหน้า ซึ่งเป็นการลดโอกาสในการบรรลุข้อตกลงสันติภาพ
ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงาน ลดลง 0.9% จากหุ้น BP และหุ้น Shell ที่จดทะเบียนในอัมสเตอร์ดัม ลดลง 3.3% และ 1.5% ตามลำดับ หลังราคาน้ำมันดิบร่วงลงมากกว่า 3% เนื่องจากมีแนวโน้มว่าสหรัฐฯ และอิหร่านจะบรรลุข้อตกลงด้านนิวเคลียร์ซึ่งจะช่วยเพิ่มอุปทานได้
หุ้นกลุ่มสื่อสารโทรคมนาคมปรับตัวขึ้นมากที่สุด โดยได้แรงหนุนจากหุ้น Deutsche Telekom ที่เพิ่มขึ้น 2.8% หลังรายงานกำไรไตรมาสแรกสูงกว่าคาดเล็กน้อย
หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้น 1.9% หลังบริษัทในกลุ่มรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่ง อาทิ Engie, National Grid และ United Utilities
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมิถุนายนลดลง 1.53 ดอลลาร์ หรือ 2.42% ปิดที่ 61.62 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือน
กรกฎาคมลดลง 1.56 ดอลลาร์ หรือ 2.36% ปิดที่ 64.53 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

