บิ๊กอสังหาฯ ชี้หุ้นถูก แห่เปิดโครงการซื้อคืน ORI แย้มเดินตาม SIRI-LPN

บอร์ดแสนสิริ ทุ่มเงิน 3 พันล้านบาท ซื้อคืน 1,486 ล้านหุ้น ตามหลัง LPN ตั้งเป้าเก็บ 400 ล้านบาท ส่วนออริจิ้นแย้มกำลังพิจารณาเปิดโครงการด้วย เห็นโอกาสหุ้นลงมามาก เทรดพี/อีไม่ถึง 5 เท่า นักวิเคราะห์ออกบทวิเคราะห์หุ้นอสังหาแตกต่างกัน

ขณะนี้เกิดคำถามว่าหุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่ปรับตัวลงมามาก ราคาถูกหรือยังแพงอยู่ เนื่องจากราคาหุ้นของบางบริษัทยังคงอ่อนตัวลงต่อเนื่อง แต่เกิดปรากฎว่าการณ์บริษัทเปิดโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน โดยคณะกรรมการ(บอร์ด)บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์(LPN)อนุมัติวงเงินสูงสุด 400 ล้านบาทในการซื้อหุ้นคืนจากตลาดหลักทรัพย์ จำนวน 42 ล้านหุ้นหรือ 2.85% ตั้งแต่วันที่ 4 ธ.ค. 2561 ถึงวันที่ 3 มิ.ย. 2562 ให้เหตุผลว่าราคาหุ้นต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานมาก

ล่าสุด นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท แสนสิริ (SIRI) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้เปิดโครงการซื้อหุ้นคืน จำนวน 1,486,273,432 หุ้น สัดส่วน 10% วงเงินสูงสุด 3,000 ล้านบาท โดยบริษัทฯ จะเริ่มซื้อหุ้นคืนผ่านตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค. 2561 -10 มิ.ย.2562 ทั้งนี้ ราคาหุ้นเฉลี่ย 30 วันทำการ (11 ต.ค.-23 พ.ย.2561) เท่ากับ 1.49 บาท

“การซื้อหุ้นคืนทำให้อัตราผลตอบแทนส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) และกำไรสุทธิต่อหุ้นดีขึ้น เนื่องจากจำนวนหุ้นที่ลดลงจากการซื้อหุ้นคืน อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลก็มีแนวโน้มสูงขึ้น ทำให้เงินสด และส่วนผู้ถือหุ้นลดลง แต่เชื่อมั่นว่าจะสอดคล้องกับสถานะการเงินของบริษัท ซึ่งผลที่จะได้รับเป็นประโยชน์ต่อบริษัทและผู้ถือหุ้น”บริษัท แสนสิริ ระบุ

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาเปิดโครงการซื้อหุ้นคืนด้วย เนื่องจากราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาค่อนข้างมาก ซื้อขายที่ P/E เพียง 4.7-4.8 เท่า ถือเป็นจุดที่น่าสนใจเข้าลงทุนแล้ว ที่ผ่านมาบริษัทได้เดินสายโรดโชว์ในประเทศสิงค์โปร์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน ปัจจุบันบริษัทมีนักลงทุนสถาบันถือหุ้นสัดส่วน 15-20%

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตเป็น 1.9 หมื่นล้านบาท ในปี 2562 จากปีนี้คาดทำได้ตามเป้าหมายที่ 1.6 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ 3.7 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องจนถึงไป 2565

“ปี 2562 บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่อีก 15 โครงการ มูลค่ารวม 3 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นโครงการคอนโดมิเนียม มูลค่า 2.2 หมื่นล้านบาท จากปีนี้เปิด 7 โครงการ มูลค่ารวม 25,000 ล้านบาท ส่วนผลงานในไตรมาส 4/2561 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 3 โดยช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ ยังมีแผนเปิดตัวโครงการแนวราบ อีก 2 โครงการ มูลค่ารวม 2,900 ล้านบาท และมีโครงการสร้างเสร็จใหม่ที่จะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ 2 โครงการ ทยอยเข้ามาในเดือนธ.ค.ประมาณ 50-100 ล้านบาท รวมทั้งปีนี้มียอดขายกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่เคยตั้งไว้ และรายได้จะเติบโตไปตามเป้าหมายที่ 1.6 หมื่นล้านบาท”นายพีระพงศ์กล่าว

ทางด้านนักวิเคราะห์มีการปรับปรุงบทวิเคราะห์หุ้นอสังหาริมทรัพย์ โดยในส่วนของ LPN บทวิเคราะห์ในเดือนพ.ย. 2561 ของนักวิเคราะห์จำนวน 15 ราย ให้ราคาเป้าหมายเฉลี่ย(IAA Consensus)ที่ 10.50 บาทในปี 2562 โดยนักวิเคราะห์ 7 รายแนะนำให้”ซื้อ”ส่วนที่เหลือ 8 ราย แนะนำเพียง”ถือ” บล.ทิสโก้ให้ราคาเป้าหมายสูงสุด ถึง 13.30 บาท และบล.กสิกรไทยให้เป้าหมายต่ำสุด 9.30 บาท และให้น้ำหนักมากกว่าตลาด

ส่วน SIRI นักวิเคราะห์แนะนำ”ซื้อ”และ”ถือ” ฝ่ายละ 5 เท่ากัน ราคาเฉลี่ย 1.72 บาท บล.โนมูระ พัฒนสินให้ราคาสูงสุด 2 บาท และ CGS-CIMB ให้ต่ำสุด 1.36 บาท ส่วน ORI นักวิเคราะห์ทั้ง 10 ราย แนะนำให้ซื้อ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็งให้ราคาเป้าหมายสูงสุด 13.80 บาท และบล.หยวนต้าให้ต่ำสุด 10.20 บาท ราคาเฉลี่ย 12.30 บาท เช่นเดียวกัน ANAN นักวิเคราะห์ 13 ราย แนะนำให้”ซื้อ” โดยบล.ทิสโก้ให้ราคาเป้าหมายสูงสุด 7.50 และ CGS-CIMB ให้ต่ำสุด 4.60 บาท

อ่านประกอบ

แฉ! บิ๊กอสังหาฯ 17 บริษัททิ้งหุ้น รายย่อยกอดเต็มมือเกิน 50%