HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัขนีหลักปิดบวก ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 254 จุด รับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศบรรลุข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-อังกฤษ พร้อมส่งสัญญาณแง่บวกต่อการเจรจากับจีนที่กำลังจะมีขึ้น หนุนความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นกระแสสงครามการค้าโลกได้พลิกกลับแล้ว ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ WTI” พุ่ง 3.17% ปิด 59.91 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 8 พฤษภาคม 2568 ปิดที่ 41,368.45 จุด เพิ่มขึ้น 254.48 จุด หรือ +0.62% หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศบรรลุข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-อังกฤษ และส่งสัญญาณในแง่บวกต่อการเจรจากับจีนที่กำลังจะมีขึ้น ส่งผลให้มีความเชื่อมั่นมากขึ้นกระแสสงครามการค้าโลกได้พลิกกลับแล้ว
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,663.94 จุด เพิ่มขึ้น 32.66 จุด, +0.58%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,928.14 จุด เพิ่มขึ้น 189.98 จุด, +1.07%
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศกรอบข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร ซึ่งถือเป็นข้อตกลงสำคัญฉบับแรกที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่สหรัฐฯ เริ่มใช้มาตรการภาษีนำเข้ากับสินค้าส่วนใหญ่ของโลกเมื่อต้นปีนี้
ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศรายละเอียดข้อตกลงดังกล่าวจากทำเนียบขาว โดยมีนายคีร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษพูดคุยผ่านโทรศัพท์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โฮเวิร์ด ลุตนิคกล่าวว่า ภาษีศุลกากรพื้นฐาน 10% จะยังคงใช้กับอังกฤษ แต่สหรัฐจะลดภาษีนำเข้ารถยนต์และเหล็กที่เก็บจากอังกฤษ
ทรัมป์กล่าวว่าภาษีศุลกากร 10% ของอังกฤษอาจเป็นระดับต่ำสุดของข้อตกลงกับประเทศต่างๆ ในอนาคต และ “บางประเทศจะสูงกว่านี้มาก เนื่องจากมีดุลการค้าเกินดุลมหาศาล”
ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่าข้อตกลงการค้ากับสหราชอาณาจักรจะส่งผลให้สินค้าส่งออกของสหรัฐฯ เข้าถึงตลาดได้มากขึ้นหลายพันล้านดอลลาร์ และยกย่องข้อตกลงนี้ว่าเป็นเพียงจุดเริ่มต้น โดยกล่าวว่าการเจรจาการค้าและร่างกฎหมายภาษีที่กำลังผ่านสภาคองเกรสทำให้เป็นช่วงเวลาที่ดีในการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม การประกาศข้อตกลงการค้าก็ไม่มีรายละเอียดและไม่มีการลงนามใดๆ ในระหว่างการแถลง “รายละเอียดขั้นสุดท้ายกำลังจัดทำ” ทรัมป์กล่าว “ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เราจะได้ข้อสรุปทั้งหมด”
ดัชนีหลักหลักแตะระดับสูงสุดในช่วงซื้อขาย จากการที่ทรัมป์กล่าวว่าคาดหวังว่าผู้เจรจาของสหรัฐฯ จะมี “สุดสัปดาห์ที่ดี” กับจีนในระหว่างการเจรจาการค้า
เมื่อถามว่าเขาจะพิจารณาลดภาษีนำเข้าจากจีนในปัจจุบันหรือไม่ หากการเจรจาเป็นไปด้วยดี ทรัมป์ตอบว่า “เราจะรอดู ตอนนี้ไม่สามารถขึ้นไปได้มากกว่านี้แล้ว มันอยู่ที่ 145% ดังนั้นเรารู้ว่ามันกำลังจะลดลง”
แซม สโตวอลล์ หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนของ CFRA กล่าวว่า ตลาดมีความหวังมากขึ้นว่าข้อตกลงต่างๆ จะสามารถเกิดขึ้นได้ก่อนที่การระงับใช้ภาษีจะสิ้นสุดลงในวันที่ 9 กรกฎาคม อย่างไรก็ตาม การเริ่มการเจรจาอาจช่วยลดแรงกดดันที่ฝ่ายบริหารต้องบรรลุข้อตกลงกับคู่ค้าอื่นๆ ในระยะสั้น
หุ้นเทคโนโลยีปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากที่ทรัมป์ประกาศเมื่อวันพุธว่าจะยกเลิกข้อจำกัดด้านชิปในยุคของไบเดน หุ้น Alphabet เพิ่มขึ้นเกือบ 2% ในวันพฤหัสบดีหลังจากที่บริษัทออกแถลงการณ์ว่า Google ยังคงเห็นการเติบโตของการค้นหา ซึ่งขัดแย้งกับรายงานข่าวเมื่อวันพุธที่อ้างผู้บริหารของ Apple ที่ระบุว่าการค้นหาบนเบราว์เซอร์ Safari ลดลง เนื่องจากผู้คนใช้ AI มากขึ้น
หุ้นBoeing พุ่งขึ้น 3% หลังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โฮเวิร์ด ลุทนิค ระบุว่าข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และอังกฤษจะส่งผลให้มีการสั่งซื้อเครื่องบินโบอิ้งมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตามตลาดยังคงย่อยการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่คงอัตราดอกเบี้ยไว้เมื่อวันพุธหลังนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ระบุว่าธนาคารกลางจะใช้แนวทาง “รอและดู” ในการกำหนดนโยบาย โดยย้ำถึงความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและความผันผวนของตลาดที่เกิดจากการผลักดันนโยบายภาษีของทรัมป์
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิถุนายน
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ ได้แก่จำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว จากกระทรวงแรงงาน ซึ่งลดลง 13,000 ราย มาที่ 228,000 ราย ต่ำกว่า 231,000 รายที่นักวิเคราะห์คาด
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐประกาศข้อตกลงการค้ากับอังกฤษเพื่อลดภาษีศุลกากร ซึ่งถือเป็นข้อตกลงครั้งแรกนับตั้งแต่ทรัมป์จุดชนวน
สงครามการค้าโลกด้วยการจัดเก็บภาษีศุลกากรครอบคลุม
ภายใต้ข้อตกลงนี้ สหราชอาณาจักรตกลงที่จะลดภาษีนำเข้าจาก 5.1% เหลือ 1.8% และให้เข้าถึงสินค้าจากสหรัฐฯ ได้มากขึ้น ในขณะที่ภาษีนำเข้า 10% สำหรับสินค้าอังกฤษที่นำเข้าสู่สหรัฐฯ ยังคงอยู่เหมือนเดิม
แอนธิ โซวาลี นักยุทธศาสตร์สินทรัพย์หลายประเภทของ UBS กล่าวว่าข้อตกลงนี้ถือว่าดี แสดงให้เห็นว่ากำลังเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง แต่ยังคงอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความผันผวนและความไม่แน่นอนสูง
ตลาดจับตาการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่กำหนดจะจัดขึ้นในวันเสาร์นี้ ขณะที่เศรษฐกิจ 2 อันดับแรกของโลกเตรียมที่จะดำเนินขั้นตอนแรกเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดด้านการค้าที่ทวีความรุนแรง
ตลาดหุ้นของอังกฤษลดลง 0.3% หลังจากที่ธนาคารกลางอังกฤษ(BOE)มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลือ 4.25% เนื่องจากBOEใช้แนวทางที่ค่อยเป็นค่อยไปและรอบคอบในการปรับลดอัตรา
ดอกเบี้ยเพิ่มเติม ท่ามกลางความไม่แน่นอนของโลกในปัจจุบัน
ในขณะเดียวกัน ธนาคารกลางของสวีเดนและนอร์เวย์ยังคงอัตราดอกเบี้ยในวันพฤหัสบดี แต่ยังคงเปิดที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ระดับ 535.63 จุด เพิ่มขึ้น 2.16 จุด,+0.40%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,531.61 จุด ลดลง 27.72 จุด, -0.32%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,694.44 จุด เพิ่มขึ้น 67.60 จุด, +0.89%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,352.69 จุด เพิ่มขึ้น 236.73 จุด, +1.02%
หุ้น Rheinmetall บริษัทผลิตกระสุนชั้นนำ พุ่งขึ้น 4.1% หลังจากยืนยันว่าบริษัทอาจทำกำไรได้เกินเป้าหมายในปี 2025 โดยอ้างถึงความต้องการที่สูงขึ้นจากเยอรมนี ยูเครน และประเทศอื่นๆ ในยุโรป
หุ้นด้านการป้องกันประเทศอื่นๆ เช่น Renk พุ่งขึ้น 4.1% หุ้น Thyssenkrupp พุ่งขึ้น 1% และ หุ้นHensoldt พุ่งขึ้น 7.6%
หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและเฮลธ์แคร์ลดลง 2% และ 1.5% ตามลำดับ ทำให้จำกัดการปรับขึ้น
หุ้น Anheuser-Busch InBev บริษัทผลิตเบียร์เพิ่มขึ้น 3.2% หลังจากบริษัทรายงานว่ากำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสแรกเพิ่มขึ้นเกือบ 8% ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้มากกว่าสองเท่า
หุ้น Siemens Energy ผู้ผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าพุ่ง 3.3% หลังรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2 เกินคาดอย่างมาก
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 1.84 ดอลลาร์ หรือ 3.17% ปิดที่ 59.91 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือน
กรกฎาคม เพิ่มขึ้น 1.72 ดอลลาร์ หรือ 2.81% ปิดที่ 62.84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
———————————————————————————————————————————————————–

