ดาวโจนส์ปิดบวก 284 จุด เฟดคงดอกเบี้ยตามคาด จับตาเจรจาสหรัฐฯ-จีน

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดบวก ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 284 จุด ทามกลางการซื้อขายผันผวน นักลงทุนประเมินแนวโน้มการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ด้านธนาคารกลางสหรัฐฯคงดอกเบี้ยตามคาด ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ปรับตัวลดลง ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 7พฤษภาคม 2568 ปิดที่ 41,113.97 จุด เพิ่มขึ้น 284.97 จุด หรือ +0.70% ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน จากนักลงทุนประเมินแนวโน้มการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และย่อยการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯที่คงอัตราดอกเบี้ย

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,631.28 จุด เพิ่มขึ้น 24.37 จุด, +0.43%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,738.16 จุด เพิ่มขึ้น 48.50 จุด, +0.27%

เมื่อบ่ายวันพุธ ตามที่คาดการณ์ไวส้ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 4.25%-4.5% ในการประชุมครั้งที่สามติดต่อกัน นอกจากนี้เฟดยังระบุในแถลงการณ์ว่า “ความเสี่ยงของอัตราการว่างงานที่สูงขึ้นและอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นได้เพิ่มขึ้น”

“คณะกรรมการให้ความใส่ใจต่อความเสี่ยงที่เกิดขึ้นกับทั้งสองด้านภายใต้ภารกิจคู่ขนาน และเห็นว่าความเสี่ยงของการว่างงานที่สูงขึ้นและอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นได้เพิ่มสูงขึ้นแล้ว” แถลงการณ์หลังการประชุมระบุ

ประธานเฟดเจอโรม พาวเวลล์ ย้ำว่า เฟดไม่จำเป็นต้อง “รีบร้อน” ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และสามารถ “รอและดู” ผลกระทบของภาษีศุลกากรต่อเศรษฐกิจได้

“สัญชาตญาณของผมบอกว่าความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มของเศรษฐกิจนั้นสูงมาก และความเสี่ยงด้านลบก็เพิ่มขึ้น” พาวเวลล์กล่าวและว่า “มีบางกรณีที่เราควรจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ แต่ก็มีบางกรณีที่เราไม่ควรปรับลด เราไม่รู้จริงๆ”

การประกาศการตัดสินใจนโยบายของเฟดเป็นจังหวะที่ความกังวลที่เพิ่มมากขึ้นว่าสงครามการค้าโลกอาจส่งผลให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น และทำให้เส้นทางของธนาคารกลางในการลดอัตราเงินเฟ้อให้บรรลุเป้าหมาย 2% มีความซับซ้อนมากขึ้น

เดวิด เคลลี หัวหน้านักยุทธศาสตร์ระดับโลกของ JPMorgan Asset Management กล่าวในบทสัมภาษณ์ “Power Lunch” ของ CNBC ว่า การประกาศของเฟดนั้น “เป็นการส่งสัญญาณเตือนไปยังฝ่ายบริหาร โดยพื้นฐานความจริงที่แฝงอยู่ คือ ‘นโยบายกำลังนำไปสู่เงินเฟ้อที่สูงขึ้นและอัตราการว่างงานที่สูงขึ้น’ และเป็นคำแถลงที่ค่อนข้างเข้ม

นอกจากนี้ตลาดต่างซื้อขายอย่างระมัดระวังระหว่างรอข่าวเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯและจีนจะพบกันในช่วงสุดสัปดาห์นี้เพื่อเจรจาการค้าครั้งใหญ่ครั้งแรกระหว่างทั้งสองประเทศนับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็น 145% ในเดือนเมษายน

ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันพุธว่า เขาจะไม่ลดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ซึ่งเป็นเงื่อนไขในการเริ่มการเจรจาการค้า

หุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 3% จากรายงาน Bloomberg ที่ว่ารัฐบาลทรัมป์มีแผนที่จะยกเลิกข้อจำกัดชิป AI ที่ประกาศในยุคของ Biden
หุ้น Alphabet และ Apple ลดลงราว 7% และ 1% ตามลำดับ
หุ้น Walt Disney พุ่งขึ้น 10.8% หลังบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งกว่าการที่นักวิเคราะห์คาด

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งมาหลายสัปดาห์ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทต่างๆ ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐจะตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยในช่วงบ่าย

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ระดับ533.47 จุด ลดลง 2.88 จุด, -0.54%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,559.33 จุด ลดลง 38.09 จุด, -0.44%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,626.84 จุด ลดลง 70.08 จุด, -0.91%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,115.96 จุด ลดลง 133.69 จุด, -0.58%

หุ้นกลุ่มค้าปลีกในยุโรปลดลง 2% จากยอดขายปลีกในยูโรโซนลดลงมากกว่าที่คาดไว้เมื่อเทียบเป็นรายเดือนในเดือนมีนาคม

หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ลดลง 1.8% หุ้นบริษัทผลิตยา AstraZeneca, GSK และ Sanofi ร่วงลงระหว่าง 1.8% ถึง 4.3% หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ แต่งตั้ง
นายวิเนย์ พราสาด นักวิจารณ์หน่วยงานดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านวัคซีนเมื่อวันอังคาร

นักลงทุนจับตากการพบปะระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯและจีนจะพบกันในช่วงสุดสัปดาห์นี้เพื่อเจรจาการค้าครั้งใหญ่ครั้งแรกระหว่างทั้งสอง ซึ่งอาจเป็นก้าวแรกในการแก้ไขสงครามการค้าที่จุดชนวนโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ

นอกจากนี้รอการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของเฟดในช่วงบ่ายของวัน แม้ว่านักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม แต่ก็รอฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของนโยบายในอนาคต

หุ้น BMW พุ่งขึ้น 1.6% หลังผู้ผลิตรถยนต์หรูประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกดีเกินคาด และคงแนวโน้มปี 2025

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 1.02 ดอลลาร์ หรือ 1.73% ปิดที่ 58.07 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือน
กรกฎาคม ลดลง 1.03 ดอลลาร์ หรือ 1.66% ปิดที่ 61.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 
 
 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–