ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 564 จุด ข้อมูลเศรษฐกิจแข็งแกร่ง

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดบวก ดาวโจนส์พุ่ง 564 จุด แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนอาจคลี่คลาย ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ WTI” ลดลง 95 เซนต์ ปิดที่ 58.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 2 พฤษภาคม 2568 ปิดที่ 41,317.43 จุด เพิ่มขึ้น 564.47 จุด หรือ +1.39% และปิดบวกเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน โดยได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่อาจคลี่คลาย

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,686.67 จุด เพิ่มขึ้น 82.53 จุด, +1.47%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,977.73 จุด เพิ่มขึ้น +266.99 จุด, +1.51%

นักลงทุนขานรับรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนเมษายนที่ดีเกินคาด ซึ่งช่วยบรรเทาความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังจากก่อนหน้านี้กระทรวงพาณิชย์รายงานว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของสหรัฐหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี ด้วยแรงกดดันจากภาษีนำเข้าสินค้าที่พุ่งสูง และทำให้ดัชนี S&P 500 ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องยาวนานที่สุดในรอบ 20 ปี
ดัชนี S&P500 ปิดบวกเป็นวันที่ 9 ติดต่อกัน ซึ่งเท่ากับสถิติเดิมที่เคยทำไว้ในปี 2004 และดัชนีดาวโจนส์ก็บวกต่อเนื่อง 9 วันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2023

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 3% ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 2.9% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 3.43%

กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนเมษายนเพิ่มขึ้น 177,000 ตำแหน่ง สูงกว่า 138,000 ตำแหน่ง ที่นักวิเคราะห์คาด ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ 4.2% สอดคล้องกับคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

คริส ซัคคาเรลลี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Northlight Asset Management กล่าวว่า ตลาดคลายกังวล เนื่องจากข้อมูลการจ้างงานออกมาดีเกินคาด แม้ความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะยังคงเป็นประเด็นรอง แต่แรงช้อนซื้อจากราคาที่ตกลงยังต่อเนื่องอย่างน้อยก็จนกว่าการระงงับการบังคับใช้ภาษีจะสิ้นสุดลง

นอกจากนี้ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากนักลงทุนที่มีความหวังว่าความตึงเครียด

ทางการค้าอาจจะคลี่คลาย หลังจากจีนกล่าวว่ากำลังประเมินความเป็นไปได้ในการเริ่มเจรจาการค้ากับสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ทางการจีนยังคงยืนยันว่าสหรัฐควรยกเลิกภาษีศุลกากรฝ่ายเดียวทั้งหมด โดยระบุในแถลงการณ์ว่า “หากสหรัฐต้องการพูดคุย ก็ควรแสดงความจริงใจและพร้อมที่จะแก้ไขการดำเนินการที่ผิดพลาดและยกเลิกภาษีศุลกากรฝ่ายเดียว และในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน รายงานจาก The Wall Street Journal ระบุว่าปักกิ่งเปิดกว้างสำหรับการเจรจาการค้า

นอกจากนี้ ตลาดยังประเมินรายงานผลประกอบการของสมาชิกMagnificent Seven สองบริษัทด้วย โดยหุ้น Apple ร่วงลง 3.7% หลังจากรายงานรายได้ไตรมาสที่ 2 ของปีบัญชีจากแผนกบริการ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ผู้ผลิต iPhone ยังระบุว่าคาดว่าจะต้นทุนจะเพิ่มขึ้น 900 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสปัจจุบันเนื่องจากภาษีศุลกากร ในขณะเดียวกัน หุ้น Amazon ลดลง 0.1% หลังจากบริษัทคาดการณ์ที่เน้นภาษีศุลกากรและนโยบายการค้าว่าเป็นปัจจัยสำคัญ

หุ้นอื่นในกลุ่ม Magnificent Seven ทั้ง Meta Platform เพิ่มขึ้น 4.3% และ Nvidia เพิ่มขึ้น 2.6%

หุ้น Chevron เพิ่มขึ้น 1.6% และ ExxonMobil เพิ่มขึ้น 0.4% หลังจากทั้งสองบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานรายงานผลประกอบการรายไตรมาสแข็งแกร่ง

ตลาดหุ้นยุโรปปิดเพิ่มขึ้นจากผลประกอบการ ขณะที่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนอาจคลี่คลายลง และรายงานการจ้างงานที่แข็งแกร่งในสหรัฐฯ ช่วยให้นักลงทุนเสี่ยงมากขึ้น

ดัชนี STOXX 600 เคลื่อนไหวใกล้ระดับปิดตลาดเมื่อวันที่ 2 เมษายน ก่อนที่ตลาดทั่วโลกจะปั่นป่วนจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ กำหนดมาตรการภาษีตอบโต้ กับคู่ค้าส่วนใหญ่

ตลาดหุ้นในภูมิภาคส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยตลาดหุ้นเยอรมนีนำการเพิ่มขึ้น 2.6%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น 3.4% ในขณะที่หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 3%

หุ้นทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงแรก หลังจากกระทรวงพาณิชย์ของจีนกล่าวว่า กำลัง ประเมินข้อเสนอจากวอชิงตันในการจัดการเจรจาการขึ้นภาษีนำเข้า 145% ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ และจีนก็พร้อมที่จะหารือเรื่องนี้

ตลาดหุ้นยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าการจ้างของสหรัฐฯยังเพิ่มขึ้น และอัตราการว่างงานทรงตัวที่ 4.2% ซึ่งช่วยบรรเทาความกังวลว่าเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลกกำลังเข้าใกล้ภาวะถดถอย หลังจากข้อมูล GDP ไตรมาสแรกแสดงให้เห็นถึงการหดตัวอย่างรวดเร็ว

ในยุโรป ข้อมูลใหม่แสดงให้เห็นว่าราคาในยูโรโซนเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดไว้ในเดือนที่แล้ว และแรงกดดันด้านราคาพื้นฐานก็เร่งตัวขึ้น แม้ไม่คาดว่าจะทำให้ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ชะลอปรับลดอัตราดอกเบี้ยก็ตาม

หุ้น ING ธนาคารรายใหญ่ของเนเธอร์แลนด์เพิ่มขึ้น 7.4% หลังจากรายงานกำไรไตรมาสแรกที่แข็งแกร่งเกินคาดและประกาศซื้อหุ้นคืน 2 พันล้านยูโร ส่วน Danske Bank ธนาคารรายใหญ่ที่สุดของเดนมาร์กเพิ่มขึ้น 6% หลังจากรายงานกำไรไตรมาสแรกสูงกว่าที่คาดไว้

หุ้น Shell บริษัทน้ำมันรายใหญ่เพิ่มขึ้น 2.1% แม้รายงานกำไรสุทธิในไตรมาสแรกลดลง 28% แต่ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์

หุ้น Airbus เพิ่มขึ้น 5.3% หลังจากทำผลงานได้ดีกว่าประมาณการรายไตรมาสและคงการคาดการณ์รายปี

ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ 536.43 จุด เพิ่มขึ้น 8.83 จุด, +1.67%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ ,596.35 จุด เพิ่มขึ้น 99.55 จุด, +1.17%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,770.48 จุด เพิ่มขึ้น 176.61 จุด, +2.33%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,086.65 จุด เพิ่มขึ้น 589.67 จุด, +2.62%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 95 เซนต์ หรือ 1.60% ปิดที่ 58.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม ลดลง 84 เซนต์ หรือ 1.35% ปิดที่ 61.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 
 
 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–