พ.ค.-มิ.ย.คาดเงินใหม่เข้าตลาดหุ้น 2 หมื่นล. คนแห่ซื้อกองทุน Thai ESGX รับสิทธิภาษี

HoonSmart.com>>ภาคตลาดทุน พร้อมรับการลงทุนในกองทุน Thai ESGX 2 พ.ค.-30 มิ.ย. ด้านตลาดหลักทรัพย์ฯเตรียมเปิดบริการผู้ถือ LTF 4 แสนราย เงินลงทุนคงค้าง 1.5 แสนล้านบาทเช็คข้อมูลฟรี 19 บลจ.ตั้ง 37 กองทุนรอรับนำไปลุยหุ้นคาดได้เงินลงทุนใหม่ 2 หมื่นล้านบาท ด้านคลังเผยทำสูญรายได้ร่วม 5 หมื่นล้านบาท ย้ำสิทธิภาษีเป็นการบิดเบือนพฤติกรรมการลงทุนในตลาดหุ้นใช้เฉพาะกรณีตลาดไม่ปกติเท่านั้น เพื่อส่งเสริมเสถียรภาพตลาดทุนไทย

กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมแถลงข่าวความพร้อมเพื่อสนับสนุนการลงทุนในกองทุน Thai ESGX และรองรับการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ไป Thai ESGX ในช่วงเวลา 2 เดือน คือ พฤษภาคม – มิถุนายน 2568 ตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด ก.ล.ต.ได้ออกหลักเกณฑ์รองรับจัดตั้งและจัดการ Thai ESGX ในขณะนี้มี Thai ESGX รวม 37 กองทุน จากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) 19 แห่ง อยู่ระหว่างพิจารณาคำขออนุมัติจัดตั้ง

ทั้งนี้ อุตสาหกรรมจัดการลงทุนได้เตรียมความพร้อมในการเสนอขาย Thai ESGX พร้อมกันตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม 2568 และรองรับการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนจาก LTF ได้ตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2568 โดยสามารถดูข้อมูลการถือครองกองทุน LTF ทั้งหมดของตนเองได้ในที่เดียว เพื่อตรวจสอบและพิจารณาตัดสินใจสับเปลี่ยนจากกองทุน LTF เป็น Thai ESGX เพื่อสิทธิลดหย่อนทางภาษี ได้ตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป ทางเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ฯ www.set.or.th/ltf

นายวโรทัย โกศลพิศิษฐ์กุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลัง กล่าวว่า ภายหลังการทยอยขายหน่วยลงทุนของกองทุน LTF ในช่วงต้นปี 2568 ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย จึงมีการเสนอมาตรการภาษีเพื่อรักษาเสถียรภาพ ยกระดับการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสนับสนุนการลงทุนในหุ้นกลุ่มความยั่งยืน (ESG) โดยแบ่งเป็น 2 แนวทางสำหรับเงินลงทุนใหม่และเงินลงทุนเดิม คือ

1) การลดหย่อนภาษีสำหรับการซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX และ 2) การลดหย่อนภาษีสำหรับการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนจากกองทุน LTF เป็นกองทุน Thai ESGX ซึ่งมาตรการดังกล่าวนี้ จะช่วยเพิ่มทางเลือกในการลงทุน เพิ่มจำนวนนักลงทุนที่ตระหนักถึงความยั่งยืน รวมถึงเพิ่มสัดส่วนของนักลงทุนสถาบันที่เน้นการลงทุนในธุรกิจที่มีเป้าหมายด้านความยั่งยืน ตลอดจนผลักดันให้บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ปรับธุรกิจสู่ความยั่งยืนในระยะยาว

“สิทธิภาษีเป็นการบิดเบือนพฤติกรรมการลงทุน ถ้าไม่จำเป็นกระทรวงการคลังจะไม่ทำ แต่ด้วยสถานการณ์ไม่ปกติและเพื่อส่งเสริมเสถียรภาพ จึงให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีดังกล่าว ซึ่งทำให้คลังสูญเสียรายได้รวม 5 หมื่นล้านบาท ในกรณีใช้สิทธิภาษีเต็มตามที่คาดการณ์ไว้ แยกเป็นสิทธิภาษีจากการลงทุนใหม่ในกองทุน Thai ESGX 2 หมืี่นล้านบาท และจากการโอนย้าย LTF อีกราว 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งถ้ามองในระยะยาวเพื่อสนับสนุนการลงทุนด้าน ESG ของไทย และรักษาเสถียรภาพตลาดทุนไทย ถือว่าคุ้ม”นายวโรทัย กล่าว

นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ก.ล.ต. เชื่อมั่นว่า Thai ESGX จะเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการส่งเสริมให้ภาคธุรกิจดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และส่งเสริมเป้าหมายด้านความยั่งยืนของประเทศ พร้อมทั้งสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนลงทุนระยะยาวผ่านตลาดทุน ซึ่งที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้เร่งดำเนินการปรับปรุงหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ บลจ. สามารถยื่นขอจัดตั้งและอนุมัติได้ตามช่วงเวลาที่วางไว้ พร้อมทั้งประสานความร่วมมือกับสมาคมบริษัทจัดการลงทุน และ บลจ. รวมทั้งกลุ่มตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ถือหน่วยลงทุน LTF สามารถตรวจสอบหน่วยลงทุน LTF ทั้งหมดที่ตนเองถือครองอยู่ได้ เนื่องจากตามเงื่อนไขในการรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจะต้องสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน LTF ไป Thai ESGX ให้ครบทุกกองทุน ทุก บลจ.

“ปัจจุบันมีผู้ถือ LTF อยู่ 4 แสนราย เป็นเงินลงทุน 1.5 แสนล้านบาท โดย 80% ของผู้ที่ถือ LTF มีการลงทุนต่ำกว่า 5 แสนบาท ถ้าเฉลี่ยทั้งหมดจะถือกันอยู่ 3 แสนบาท ซึ่งสิทธิภาษีที่ออกมาถือว่าครอบคลุมนักลงทุนส่วนใหญ่ และสิทธิภาษีดังกล่าวจะให้เฉพาะ การลงทุนในช่วงเดือนพ.ค.-มิ.ย.เท่านั้น”นางพรอนงค์ กล่าว

คาดเงินลงทุนใหม่ 2 หมื่นล้าน

นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) ในฐานะตัวแทนบริษัทจัดการลงทุนในประเทศไทย กล่าวว่า ในฐานะผู้บริหารและจัดการลงทุน เรามุ่งมั่นทำงานเพื่อให้ผู้ลงทุนมั่นใจได้ว่าการลงทุนของตนจะมีประสิทธิภาพในระยะยาว มีส่วนช่วยรักษาเสถียรภาพตลาดทุนไทย และมีส่วนช่วยผลักดันบริษัทจดทะเบียนไทยให้มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero มีการใส่ใจสังคมและการยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล เพื่อร่วมผลักดันให้ประเทศไทยมีความยั่งยืนได้อย่างแท้จริง

ทั้งนี้ ตั้งแต่กองทุน Thai ESG เริ่มจัดตั้งขึ้นในเดือนธันวาคม 2566 นั้น ได้เห็นพัฒนาการที่ดียิ่ง ทั้งในมิติการมีส่วนร่วมลงทุนของคนไทย 252,403 ราย ณ สิ้นปี 2567 มิติของการเติบโตของขนาดกองทุน (AUM) อยู่ที่ 33,066 ล้านบาท ณ 31 มีนาคม 2568 มิติความครอบคลุมของบริษัทจดทะเบียนไทย ซึ่งปัจจุบันได้เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 440 บริษัท เติบโตจาก 200 กว่าบริษัทในตอนเริ่มจัดตั้งกองทุน

สำหรับ Thai ESGX นั้น บลจ. 19 แห่ง ได้เตรียมพร้อมนำเสนอ 37 กองทุน ซึ่งผู้สนใจสามารถลงทุนได้ตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม 2568 หรือแจ้งความประสงค์สับเปลี่ยนหน่วยลงทุน LTF ที่มีอยู่ทั้งหมด ทุกกองทุน ได้ตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2568 โดยสามารถลงทุนและสับเปลี่ยนได้ภายในเดือนมิถุนายน 2568 เท่านั้น ทั้ง บลจ. และผู้สนับสนุนการขายที่ได้รับการแต่งตั้งพร้อมแล้วที่จะร่วมมือกันเพื่อสื่อสารประชาสัมพันธ์และให้คำแนะนำผู้ลงทุน โดยอุตสาหกรรมจัดการลงทุนได้ตั้งเป้าหมายในการระดมเงินลงทุนในกองทุน Thai ESGX ไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท

“หากดูจังหวะการลงทุน ถือว่าดัชนีมีการปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับที่น่าสนใจ เมื่อดูจากอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ปัจจุบันอยู่ที่ 4.5% ต่อปี ซึ่งเป็นมาตรฐานกลางของการตัดสินใจลงทุน และถ้ามองผลตอบแทนในบริษัทจดทะเบียนที่มี ESG ในระยะยาวทางนักวิเคราะห์คาดการณ์กันว่าน่าจะให้ผลตอบแทนในระดับ 2 หลักได้ แต่ก่อนที่จะลงทุนทางบลจ.จะมีการวิเคราะห์ถึง Valuation และแนวโน้มการเติบโตในอนาคตก่อนการลงทุน ซึ่งเป็นแบบ Selective Buy”นายธีรนาถ กล่าว

่เช็คข้อมูล LTF ฟรี

นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีความพร้อมในการให้บริการข้อมูล LTF แก่ผู้ลงทุนผ่านเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยจะสามารถดูภาพรวมการถือครองหน่วยลงทุน LTF ทั้งหมดของตนเองจากทุก บลจ. ได้ในที่เดียวฟรีไม่มีค่า่ใช้จ่าย ทำให้สามารถตรวจสอบข้อมูลและพิจารณาตัดสินใจสับเปลี่ยนจากกองทุน LTF เป็น Thai ESGX เพื่อสิทธิลดหย่อนทางภาษีได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังมีแผนต่อยอดความร่วมมือกับสมาคมบริษัทจัดการลงทุน ขยายบริการเรียกดูข้อมูลให้ครอบคลุมกองทุนลดหย่อนภาษีประเภทอื่น ๆ อาทิ RMF, SSF และ Thai ESG เพื่อความสะดวกแก่ผู้ลงทุนในการตรวจสอบและบริหารจัดการลงทุนมากยิ่งขึ้น”

“ยันยันว่าข้อมูลที่นักลงทุนเข้าไปตรวจสอบมีความปลอดภัย จะมีเพียงเจ้าของข้อมูลเท่านั้นที่เห็น หลังจากที่กระทรวงการคลัง ประกาศที่จะให้สิทธิภาษีการลงทุนในกองทุน Thai ESGX การขาย LTF ลดลงอย่างมาก เมื่อเทียบกับช่วงปลายปีที่มียอดขายออกมา 2.5 แสนล้านบาท แสดงให้เห็นว่านักลงทุนที่ถือ LTF ให้ความสนใจในกองทุน Thai ESGX ซึ่งสิทธิภาษีครั้งนี้ จะเกิดประโยชน์ 3 ด้าน คือ ส่งเสริมบริษัทจดทะเบียนให้หันมาทำ ESG มากขึ้น ลดแรงขาย LTF และ ดึงเม็ดเงินใหม่เข้าตลาดทุน”นายอัสสเดช กล่าว

อ่านข่าว

บลจ.กรุงศรีจ่อขาย 3 กองทุน Thai ESGX มองหุ้นไทยโอกาสฟื้นตัว พี/อีต่ำรอบ 10 ปี