ดาวโจนส์ปิดร่วง 537 จุด S&P ปรับฐาน วิตกสงครามการค้า

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดลบ ดัชนีดาวโจนส์ร่วง 537 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับฐานเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี แรงกดดันจากมาตรการภาษีทรัมป์ สร้างความวิตกสงครามการค้ารุนแรงขึ้นหลังขู่รียกเก็บภาษีผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์จากสหภาพยุโรป ฟาก “ตลาดยุโรป” ปิดลบเล็กน้อย ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ลดลง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 13มีนาคม 2568 ปิดที่ 40,813.57 จุด ลดลง 537.36 จุด หรือ -1.30% และดัชนี S&P 500 เข้าสู่แดนปรับฐานด้วยแรงกดดันจากมาตรการภาษีศุลกากรใหม่จากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กลบข้อมูลเงินเฟ้อที่ชะลอตัว จากความกังวลว่าสงครามภาษีศุลกากรที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างสหรัฐกับคู่ค้ารายใหญ่บางรายอาจส่งผลให้เงินเฟ้อกลับมาพุ่งสูงขึ้นอีกครั้งและเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,521.52 จุด ลดลง 77.78 จุด, -1.39% เข้าสู่การปรับฐานเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,303.01 จุด ลดลง 345.44 จุด, -1.96%

ทรัมป์โพสต์ขู่บน Truth Social เช้าวันพฤหัสบดีว่าจะขึ้นภาษี 200% สำหรับผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ทุกชนิดที่นำเข้าจากประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป เพื่อเป็นการตอบโต้ที่สหภาพยุโรปเรียกเก็บภาษีวิสกี้สหรัฐในอัตรา 50% โดยทรัมป์เขียนว่า “นี่จะเป็นเรื่องดีสำหรับธุรกิจไวน์และแชมเปญในสหรัฐฯ” ต่อมาทรัมป์กล่าวว่าเขาจะไม่เปลี่ยนใจเกี่ยวกับภาษีศุลกากรจากกลุ่มอื่น ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 เมษายน

การเทขายในวงกว้างส่งผลให้ทั้งสามดัชนีหลัก ร่วงลง โดยหุ้นเทคโนโลยีและหุ้นยักษ์ใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีลดลง ส่งผลให้ดัชนี Nasdaq ร่วงลงเกือบ 2% หลังที่เข้าสู่แดนปรับฐานแล้วเมื่อวันที่ 6 มีนาคม และขณะนี้ต่ำกว่าระดับสูงสุดล่าสุดกว่า 14% และตั้งแต่ต้นสัปดาห์ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq มีร่วงลง 4.3% และ 4.9% ตามลำดับ ดัชนีดาวโจนส์ ลดลงประมาณ 4.7% ซึ่งถือเป็นสัปดาห์ที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2022

เจด เอลเลอร์โบรก ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอของ Argent Capital Management กล่าวว่า สงครามภาษีกำลังทวีความรุนแรงขึ้นก่อนที่จะคลี่คลายลง ซึ่งทำให้เกิดความไม่แน่นอนและไม่สามารถคาดเดาได้ ซึ่งเป็นผลลบต่อหุ้นอย่างเห็นได้ชัด

ไมค์ ดิกสัน หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ Horizon Investments กล่าวว่า ความเชื่อมั่นแย่มาก มีข่าวเกี่ยวกับภาษีศุลกากรใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อหลายๆ อย่าง และเห็นอย่างชัดเจนที่สุดในพื้นที่ที่อ่อนไหวกว่าในตลาด เช่น Magnificent 7 ที่ราคาปรับขึ้นค่อนข้างมาก

ชัค คาร์ลสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Horizon Investment Services ใน กล่าวว่า เศรษฐกิจยังคงมีความไม่แน่นอนอีกมาก ซึ่งความไม่แน่นอนบางส่วนนั้นมาจากภาษีศุลกากร แต่ยังมีความไม่แน่นอนอื่นๆ อีกด้วย ซึ่งทำให้ผู้ลงทุนคิดว่าเศรษฐกิจอาจจะ hard landing

เมื่อวันพฤหัสบดี สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวในรายการ “Squawk on the Street” ของ CNBC ว่า รัฐบาลทรัมป์ให้ความสำคัญกับภาวะเศรษฐกิจและตลาดในระยะยาวมากกว่าการเคลื่อนไหวในระยะสั้น และไม่กังวลเกี่ยวกับความผันผวนเล็กน้อยในช่วงสามสัปดาห์นี้

ตลาดหุ้นร่วงลงแม้มีสัญญาณเงินเฟ้อที่ดีขึ้น ดัชนีราคาผู้ผลิตในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นดัชนีที่ใช้วัดต้นทุนการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคและเป็นตัวบ่งชี้ที่ดีของแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ทรงตัว เมื่อเทียบกับการเพิ่มขึ้นที่คาดไว้ ซึ่งสอดคล้องกับดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนกุมภาพันธ์ที่อ่อนตัวกว่าที่คาดไว้

กระทรวงแรงงานรายงาน ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI)เดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้น 3.2% เมื่อเทียบรายปี ชะลอตัวลงจาก 3.7% ในเดือนมกราคม และต่ำกว่า 3.3% ที่นักวิเคราะห์ ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน (Core PPI) ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้น 3.4% เมื่อเทียบรายปี ชะลอตัวลงจาก 3.8% และต่ำกว่า 3.6% ที่นักวิเคราะห์คาด

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจอื่นที่เผยแพร่ได้แก่ จำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งลดลง 2,000 ราย มาที่ 220,000 ราย และต่ำกว่า 226,000 รายที่นักวิเคราะห์คาด
ข้อมูลเงินเฟ้อกับการยื่นรับสวัสดิการว่างงาน ทำให้มีความมั่นใจในระดับหนึ่งว่าตอนนี้ อัตราเงินเฟ้อกำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้อง และตลาดแรงงานก็มีความแข็งแกร่ง

แม้ว่านักกลยุทธ์การตลาดจะจับตาการฟื้นตัวทางเทคนิคหลังจากการเทขายครั้งล่าสุด แต่ส่วนหนึ่งบอกว่าข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุดอาจไม่มากพอที่จะนำไปสู่การฟื้นตัวที่สำคัญ ความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการค้าของทรัมป์ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน และยังทำให้เกิดคำถามว่าธนาคารกลางสหรัฐจะดำเนินการอย่างไรกับอัตราดอกเบี้ย

กลุ่มขนส่งในดัชนีดาวโจนส์( Dow Jones Transportation Index) ซึ่งมองว่าเป็นเครื่องชี้วัด

ภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ปิดลบต่ำกว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายนถึง 18.9% และหากลดลงต่ำกว่าระดับดังกล่าว 20% ขึ้นไปจะเป็นการยืนยันว่าดัชนีอยู่ในภาวะตลาดหมี

หุ้น Intel พุ่งขึ้น 14.6% หลังจากแต่งตั้ง Lip-Bu Tan ผู้คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

หุ้น Adobe บริษัทซอฟต์แวร์ร่วงลง 13.9% หลังจากคาดการณ์รายได้ประจำไตรมาสสอดคล้องกับประมาณการ

หุ้น Dollar General ร้านขายสินค้าลดราคา (discount store) เพิ่มขึ้น 6.8% แม้รายงานยอดขายที่น่าผิดหวัง แต่ผลประกอบการประจำไตรมาสเป็นบวก

ตลาดยุโรปปิดลบเล็กน้อย หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์จากสหภาพยุโรป ซึ่งส่งผลให้สงครามการค้าโลกรุนแรงขึ้น

หุ้นบริษัทผลิตสุรา ทั้ง Pernod Ricard และ Campari ลดลง 4% และ 4.3% ตามลำดับ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มลดลง 0.2% หุ้นLVMH ผู้ผลิตคอนยัค Hennessy ลดลง 1.1%

อีเพค ออซการ์เดสกายา นักวิเคราะห์อาวุโสของ Swissquote Bank กล่าวว่า สถานการณ์ตอนนี้วุ่นวายมากเพราะภาษีศุลกากรขึ้นๆ ลงๆ และไม่มีใครรู้ว่ามันจะไปไกลแค่ไหน”

ทรัมป์โพสต์ขู่บน Truth Social เช้าวันพฤหัสบดีว่าจะขึ้นภาษี 200% สำหรับผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ทุกชนิดที่นำเข้าจากประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาษีศุลกากรของทรัมป์สร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดทั่วโลก โดยนักวิเคราะห์กังวลว่า ความไม่แน่นอนของมาตรการภาษีอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ 540.44 จุด ลดลง 0.81 จุด, -0.15%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,542.56 จุด เพิ่มขึ้น 1.59 จุด, +0.02%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,938.21 จุด ลดลง 50.75 จุด, -0.64%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 22,567.14 จุด ลดลง 109.27 จุด, -0.48%

หุ้นกลุ่มยานยนต์และส่วนประกอบลดลง 1.7% เป็นกลุ่มที่ลดลงมากที่สุด หุ้น Stellantis และ หุ้น Valeo ซัพพลายเออร์ชิ้นส่วนยานยนต์ ลดลง 2.3% และ 6.4% ตามลำดับ
หุ้นกลุ่มโทรคมนาคมเพิ่มขึ้น 1.4% ขณะที่หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์เพิ่มขึ้น 0.5% ด้วยแรงหนุนจากหุ้น Novo Nordisk ที่เพิ่มขึ้น 3.4%หลังจาก Kepler Cheuvreux ปรับคำแนะนำหุ้นจาก “ถือ” เป็น “ซื้อ”

หุ้นกลุ่มผู้ผลิตรถบรรทุกในยุโรปร่วงลงอย่างหนักหลังจากที่สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐอเมริกา (EPA) ตัดสินใจเริ่มกระบวนการแก้ไขกฎเกณฑ์การปล่อยไอเสียของยานยนต์ของรัฐบาลโจ ไบเดน

หุ้น Daimler Truck ร่วงลง 4.4% เป็นวันที่แย่ที่สุดเท่าที่มีมา ส่วนหุ้น Volvo ร่วงลง 2.2% และหุ้น Traton ร่วงลง 2.6%

นักลงทุนจับตาเยอรมนี ซึ่งรัฐสภาเปิดสมัยประชุมพิเศษเพื่อหารือเกี่ยวกับกองทุน 500,000 ล้านยูโรสำหรับโครงสร้างพื้นฐานและการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในกฎเกณฑ์การกู้ยืมเพื่อเสริมสร้างการป้องกันประเทศ

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนเมษายนลดลง 1.13 ดอลลาร์ หรือ 1.67% ปิดที่ 66.55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 1.07 ดอลลาร์ หรือ 1.51% ปิดที่ 69.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล