“คิงส์ฟอร์ด”คาดสงครามการค้ากดดัชนี แนวรับ 1,140-1,150 จุด

HoonSmart.com>>บล.คิงส์ฟอร์ด คาดแนวโน้มดัชนีวันนี้ยังถูกกดดันจากภาวะสงครามการค้ากดหุ้นทั่วโลกร่วง ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับฐานลงต่อ รอประชุมเฟดสัปดาห์หน้า แนวรับดัชนี 1,140 – 1,150 จุด ส่วนแนวต้าน 1,170 จุด แนะทยอยซื้อ SCB,KTB,PTT,ADVANC,CPALL,AOT,BDMS เป็นหุ้นที่กองทุน LTF ถืออยู่ในสัดส่วนสูง มี ESG Rating A ถึง AAA พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้ CENTEL, BDMS

บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,140 – 1,150 จุด แนวต้าน 1,170 จุด คาดดัชนียังถูกกดดันจากภาวะสงครามการค้า และรอผลการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า แนะนำทยอยซื้อ SCB,KTB,PTT,ADVANC,CPALL,AOT,BDMS ซึ่งเป็นหุ้นที่กองทุน LTF ถืออยู่ในสัดส่วนสูง และมี ESG Rating A ถึง AAA หุ้นเก็งกำไร AURA มีสัญญาณบวกทางเทคนิค

สัปดาห์หน้ายังต้องติดตาม มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุม ครม.วันอังคาร และการสรุปวันที่จะอภิปรายไม่วางใจนายก ฯ

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐปิดวานนี้ DJIA -1.30%, S&P500 -1.39%, Nasdaq -1.96% โดย S&P500 ปรับลดลงจากจุดสูงสุดใน ก.พ. -10.1% ส่งผลให้ดัชนีเข้าสู่ในหมวดปรับฐาน เช่นเดียวกับ Nasdaq จากความกังวลภาวะสงครามการค้า หลัง EU ได้เรียกเก็บภาษีนำเข้าวิสกี้ของสหรัฐในอัตรา 50% เพื่อตอบโต้การถูกสหรัฐปรับขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม ส่งผลให้ประธานาธิบดีทรัมป์ขู่จะเก็บภาษีนำเข้าแอลกอฮอล์และไวน์จากยุโรปในอัตรา 200%

ขณะที่ S&P500 VIX Index ปรับขึ้นอยู่ที่ 24.66 บ่งชี้ภาวะตลาดยังผันผวนสูง ทางด้านข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้ US PPI ก.พ. อยู่ที่ 3.2% & ม.ค. ที่ 3.7% & คาดที่ 3.3% YoY ส่วนค่ำวันนี้ติดตามดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ มี.ค. คาด 63.1 & ก.พ. 64.7

ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับลดลง จากแรงขายกลุ่มผู้ผลิตแอลกอฮอล์ เช่น เพอร์นอด ริคาร์ด, คัมพารี หลังประธานาธิบดีทรัมป์ขู่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 200% ส่วนกลุ่มผู้ผลิตรถบรรทุกในยุโรปปรับลดลง หลังสหรัฐเตรียมยกเลิกกฏการปล่อยไอเสีย ที่อนุมัติในสมัยของประธานาธิบดีไบเดน บ่งชี้ภาวะสงครามการค้าสหรัฐ – ยุโรปมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจค่ำวันนี้ติดตาม CPI เยอรมัน, ฝรั่งเศส, สเปน ก.พ. รวมถึง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของเยอรมัน และความคืบหน้าการเจรจาข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน

หุ้นเด่นแนะนำ CENTEL* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 40.50 บาท) งวด 4Q67 มีกำไรสุทธิ 667 ล้านบาท +309%QoQ, +57%YoY หนุนจากรายได้ทั้งธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารที่เติบโตตามปัจจัยฤดูกาล นอกจากนี้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมยังเพิ่มขึ้นจาก The Food Selection ส่วนภาพรวมปี 67 มีกำไรปกติ 1.78 พันล้านบาท +80%YoY

สำหรับปี 68 บริษัทมองเป้าหมายการเติบโตของธุรกิจโรงแรมทางด้าน RevPar เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 4,500-4,800 บาท จากปีก่อน 4,101 บาท โรงแรมที่พัทยากลับมาเปิดเต็มปีหลังการ renovate โรงแรมในญี่ปุ่น Osaka มี world expo 2025 ส่วนธุรกิจอาหาร SSSG ขยายตัว 3-5%

ด้านส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมวางแผนการเติบโตของร้าน Shinkanzen ขยายอีก 15 สาขาในปี 68 รวมถึงร้านนักล่าหมูกระทะและ Katsu Modori ที่เติบโตได้ดี พร้อมมีแผน M&A เพิ่มอีก ทั้งนี้ตลาดประเมินกำไรปี 68-69 ที่ 1.87 พันล้านบาท (+7%YoY) และ 2.7 พันล้านบาท (+16%YoY)

หุ้น BDMS (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 36.00 บาท) กำไรสุทธิ 4Q67 อยู่ที่ 4,333 ล้านบาท (+9.64%YoY, +2.04%QoQ) หนุนจากรายได้ผู้ป่วยต่างชาติ(รวม +10% นำโดยการ์ตา +56%YoY/ จีน +34%YoY/USA +29%YoY) ด้านU-rate IPD ของ4Q67แม้ปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ62% แต่ยังคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายได้ดี ประจวบกับรายได้อื่นที่สูงขึ้นจาก Mövenpick BDMS Wellness Resort และมี Tax Credit ส่งผลให้ GPM และNPM สูงขึ้น YoY QoQ

ส่วน 1Q68 แม้มีปัจจัยกดดันจาก 1.ประกันรูปแบบ Co-pay ตั้งแต่ 20 มี.ค.68 และ 2.รอมฎอนในช่วง 28ก.พ.-29มี.ค.68 อย่างไรก็ตาม คาดว่าการดำเนินงานจะยังสามารถอยู่ในเกณฑ์ดีได้จากร.พ.ในต่างจังหวัดที่ทำได้ดีในช่วงปี67 ที่ผ่านมา ส่วนภาพรวมรายได้ ม.ค.-ก.พ.68 ยังเห็นการบวกต่อเนื่องได้ดี YoY โดย ผู้บริหารวางเป้าการเติบโตของรายได้ในช่วง 1H68 ราว +7 ถึง 8%YoY