ดาวโจนส์ปิดทรุด 890 จุด กังวลเศรษฐกิจถดถอย

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดร่วง ดาวโจนส์ดิ่ง 890 จุด -2.08%, ดัชนี S&P 500 ลดลง 2.70% , Nasdaq ลงหนัก -4.00% นักลงทุนกังวลความไม่แน่นอนนโยบายภาษีทรัมป์อาจทำให้ให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ปรับลดลง ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 10 มีนาคม 2568 ปิดที่ 41,911.71 จุด ลดลง 890.01 จุด หรือ -2.08% จากแรงเทขายที่ต่อเนื่องและรุนแรงขึ้น นักลงทุนมีความกังวลว่าความไม่แน่นอนของนโยบายภาษีศุลกากรจะผลักดันให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ไม่ได้ตัดประเด็นนี้ออกไปในระหว่างการให้สัมภาษณ์เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,614.56 จุด ลดลง 155.64 จุด,-2.70%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,468.32 จุด ลดลง 727.90 จุด, -4.00% เป็นการร่วงลงภายในวันเดียวที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2022

ดัชนี S&P 500 ลดลง 8.7% จาก all-time high เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ และดัชนี Nasdaq Composite ลดลงเกือบ 14% จากระดับสูงสุด การลดลง 10% ถือเป็นการปรับฐานในตลาด อย่างไรก็ตามดัชนีหลักฟื้นจากจุดต่ำสุดของวันก่อนปิดตลาด

หุ้นกลุ่ม Magnificent Seven นำการลดลง เนื่องจากนักลงทุนเทขายกลุ่มนี้เพื่อซื้อหุ้นที่ปลอดภัยกว่า หุ้นTesla ร่วงลง 15% ถือเป็นวันที่แย่ที่สุดตั้งแต่ปี 2020 ขณะที่ Alphabet และ Meta ร่วงกว่า 4% Nvidia ร่วงลง 5% และ Palantir ร่วงลง 10%

ความวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนที่ผ่านมา เริ่มจากข้อมูลที่ชะลอตัวซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นการตอบสนองนโยบายภาษีศุลกากร จากนั้นถูกกระตุ้นเพิ่มเติมด้วยความคิดเห็นล่าสุดของทำเนียบขาว

รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง สก็อตต์ เบสเซนต์ กล่าวกับ CNBC เมื่อวันศุกร์ว่า นักลงทุนที่คาดหวังว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะใช้มาตรการเพื่อพยุงตลาดหุ้นอาจต้องผิดหวัง และเศรษฐกิจอาจเข้าสู่ช่วง “ดีท็อกซ์” หรือการขจัดสิ่งไม่ดี เนื่องจากรัฐบาลชุดใหม่จะปรับลดรายจ่ายของรัฐ ต่อมาในการสัมภาษณ์ที่ออกอากาศเมื่อวันอาทิตย์ ประธานาธิบดีทรัมป์ตอบคำถาม Fox News เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยกล่าวว่าเศรษฐกิจกำลังอยู่ใน “ช่วงเปลี่ยนผ่าน”

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา Goldman Sachs ได้ปรับลดการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจลงเนื่องจากผลกระทบจากภาษีศุลกากร โดยเพิ่มโอกาสที่สหรัฐฯ จะเจอเศรษฐกิจถดถอยเป็น 20% จาก 15%

ไมค์ มุสซิโอ ประธานของ FBB Capital Partners กล่าวว่า การให้สัมภาษณ์ทำให้บรรดานักลงทุนที่กังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งทางภาษีศุลกากรที่เพิ่มมากขึ้นและข้อกังวลด้านเศรษฐกิจอื่นๆ อยู่แล้ว วิตกมากขึ้น

แซม สโตวอลล์ หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนที่ CFRA Research กล่าวว่า ตลาดอยู่ในช่วงของการก่อตัวของการปรับฐาน เพราะขึ้นอยู่กับการตอบสนองต่อมาตรการภาษีศุลกากรของรัฐบาลชุดใหม่ หรืออย่างน้อยก็ภัยคุกคามจากภาษีศุลกากร และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจ

สัญญาณของนักลงทุนที่ลดความเสี่ยงชัดเจน ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาด พุ่งขึ้น 19.21% ปิดที่ระดับ 27.86 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2024

ตลาดยุโรปปิดลบที่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบเดือน ด้วยแรงกดดันจากการปรับตัวลดลงของหุ้นเทคโนโลยี ซึ่งนักลงทุนเทขายหุ้นทั่วโลก เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ยังไม่มีทีท่าจะคลี่คลายลง

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีลดลงมากที่สุดในดัชนี โดยลดลง 3.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมกราคม จากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตของเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำให้นักลงทุนเลี่ยงความเสี่ยง

ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ 546.20 จุด ลดลง 7.15 จุด, -1.29%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,600.22 จุด ลดลง 79.66 จุด, -0.92%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,047.60 จุด ลดลง 73.20 จุด, -0.90%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 22,620.95 จุด ลดลง 387.99 จุด, -1.69%

หุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มป้องกันประเทศ ลดลง 2.7% และ 2.1% ตามลำดับ ทั้งสองกลุ่มปรับขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ หลังจากที่เยอรมนีออกมาตรการทางการเงินที่กระตุ้นเศรษฐกิจ และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศในภูมิภาค

พรรคกรีนของเยอรมนีประกาศว่าจะต่อต้านแผนการของฟรีดริช เมิร์ซ นายกรัฐมนตรีคนต่อไปที่จะเพิ่มการกู้ยืมเงินจากรัฐเป็นจำนวนมาก แต่ยังคงเปิดโอกาสให้ประนีประนอมกันในมาตรการปฏิรูปกองทัพและฟื้นฟูการเติบโต ส่งผลให้มีความกังวลเกี่ยวกับแผนของเยอรมนีที่จะจัดสรรเงิน 500,000 ล้านยูโร (541,000 ล้านดอลลาร์) สำหรับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในช่วง 10 ปี

นักวิเคราะห์จากธนาคารดอยซ์แบงก์กล่าวว่า หากแผนการปฏิรูปไม่ผ่านก็จะจำกัดขอบเขตของการขยายตัวทางการคลังในอีก 4 ปีข้างหน้าอย่างรุนแรง ทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลชุดต่อไป และทำให้เกิดความแตกแยกทางการเมืองในเยอรมนี

แม้หุ้นส่วนใหญ่ในดัชนี STOXX จะอยู่ในแดนลบ แต่หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค และหุ้นกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วน เพิ่มขึ้นกว่า 1.2%

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจนั้น ข้อมูลบ่งชี้ว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีนในเดือนมกราคมเพิ่มขึ้น แต่การส่งออกกลับร่วงลง

นักลงทุนจับตาการรายงานเงินเฟ้อของเยอรมนีในสัปดาห์นี้ ขณะที่ภาษีศุลกากร 25% ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาด เนื่องจากสหรัฐฯ ไม่ได้มองที่จะทำข้อตกลงเพื่อเลี่ยงการใช้มาตรการดังกล่าว

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 1.01 ดอลลาร์ หรือ 1.51% ปิดที่ 66.03ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 1.08 ดอลลาร์ หรือ 1.53% ปิดที่ 69.28 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–