HoonSmart.com>>“เฟรเซอร์ส-โรจนะ-เอเชีย อินดัสเตรียล เอสเตท”ทุ่มงบ 2 หมื่นล้านบาท พัฒนาโครงการ “อารยะ ดิ อีสเทิร์น เกตเวย์”เมืองอุตสาหกรรมและนวัตกรรมครบวงจรแห่งแรกในไทย ชูจุดต่าง ใกล้กรุงเทพฯ ใกล้ 3 สนามบิน พลังงานพร้อม ป้องกันน้ำท่วมได้ 100 ปี ลั่นธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่จากเยอรมนีวางศิลาฤกษ์รายแรก จ่อปิดดีลเพิ่ม 3-4 รายก่อนสิ้นปี
วันที่ 11 ก.พ.2568 นักธุรกิจรุ่นใหม่ทายาท 3 เจ้าสัวชั้นนำของไทย ประกอบด้วย นายชาลี โสภณพนิช ประธานกรรมการ บริษัท นิคมอุตสาหกรรมเอเซีย,นายปณต สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด และนายชาย วินิชบุตร รองประธาน บริษัทสวนอุตสาหกรรมโรจนะ (ROJNA) ขึ้นเวทีเปิดตัวโครงการ“อารยะ ดิ อีสเทิร์น เกตเวย์”เมืองอุตสาหกรรมและนวัตกรรมครบวงจรแห่งแรกในไทย ด้วยงบลงทุน 20,000 หมื่นล้านบาท ซึ่งใช้เวลาในการรวบรวมที่ดินมาตั้งแต่ปี 2560 ใช้เวลากว่า 7 ปีจึงสามารถเปิดได้

นายปณต สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเริ่มปลุกปั้นมาตั้งแต่ปี 2560 รวบรวมพื้นที่มาต่อยอดเศรษฐกิจของประเทศ สร้างระบบนิเวศของนิคมฯแห่งอนาคต พราะเชื่อว่าประเทศไทยยังมีโอกาสอีกมากเรื่องการลงทุน โดยใช้ประสบการณ์ของผู้ร่วมทุน 2 กลุ่มที่มีมากกว่า 40 ปี และประสบการณ์ของเฟรเซอร์ส ที่ไปลงทุนในกว่า 20 ประเทศ มีการร่วมมือกับผังเมืองระดับโลกในการศึกษาพัฒนาคุณภาพชีวิต และอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ซึ่งจะมีการสร้างประโยชน์ให้สังคม ดึงศักยภาพนักศึกษาในบริเวณดังกล่าวมาพัฒนางานสมัยใหม่ และดึงเอาอุตสาหกรรมส่งออกที่โดดเด่นของโลกเข้ามาในไทยได้อีก ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยและต่อยอดเศรษฐกิจในอาเญียนให้เติบโตต่อไปได้
นายชายน้อย เผื่อนโกสุม ประธานกรรมการบริษัท อารยะ แลนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ กล่าวว่า โครงการ อารยะ ดิ อีสเทิร์น เกตเวย์ มีพื้นที่กว่า 4,631 ไร่ ตั้งเป้าหมายที่จะสร้างให้เป็นนิคมที่อัพสเกลนิคมอุตสาหกรรม มีระบบนิเวศให้ลูกค้าเชื่อมต่อกับระบบโลจิสติกส์ มีโครงสร้างพื้นฐานพร้อม โดยเฉพาะระบบไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ที่จะมีการลงทุนในขนาดที่ใหญ่ เพื่อตอบโจทย์อุตสาหกรรมใหม่
ทั้งนี้ ในเฟสแรก จะแบ่งเป็นโซนอุตสาหกรรมที่มีการลงทุนในเทคโนโลยี และธุรกิจสนับสนุนอุตสาหกรรมใหญ่ๆ มีส่วนของแคมปัสด้านอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี พื้นที่โลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรมอารยะ ตลอดจนโซนไลฟ์สไตล์และบริการต่างๆ ศูนย์กลางการให้บริการชุมชน และโครงการที่อยู่อาศัย บนทำเลกิโลเมตรที่ 32 บางนา-ตราด ครอบคลุมเชื่อมต่อไปสู่ทางพิเศษกรุงเทพ-ชลบุรีสายใหม่ (Motorway) ใกล้สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ซึ่งจะมีส่วนช่วยดึงดูดและส่งเสริมการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศได้มากขึ้น ทำให้ลูกค้าประสบความสำเร็จในการลงทุนในไทยช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ก้าวหน้าอย่างยั่งยืนต่อไป
น.ส.กมลกาญจน์ คงคาทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท อารยะ แลนด์ ดีเวลลอปเม้นต์ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวใช้เงินลงทุนประมาณ 20,000 ล้านบาท ปัจจุบันมีธุรกิจเซมิคอนดักส์เตอร์รายใหญ่จากประเทศเยอรมนีเข้ามาซื้อพื้นที่กว่า 100 ไร่ และอยู่ระหว่างการเจรจาดึงนักลงทุนต่างประเทศ 3-4 ราย โดยหวังว่าภายในปี 2568 จะสามารถขายพื้นที่ได้ 300-400 ไร่ ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบธุรกิจเซมิคอนดักสเตอร์ และดาต้าเซ็นเตอร์

สำหรับ พื้นที่อุตสาหกรรม สามารถรองรับนักลงทุนที่ต้องการพื้นที่ตั้งแต่ 100-300 ไร่ และพื้นที่ 15-20 ไร่ สำหรับธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในส่วนที่เป็นซัพพลายเชน โดยเน้นดึงนักลงทุนต่างประเทศทั่วโลกเข้ามาลงทุนในธุรกิจ 4.0 หรืออุตสาหกรรมใหม่ ที่เป็นนวัตกรรมด้านอุตสาหกรรม เทคโนโลยีขั้นสูง และโลจิสติกส์แบบครบวงจร ส่งเสริมคุณภาพชีวิตของบุคลากรเพื่อดึงดูดการลงทุนจากทั่วโลกเข้ามาส่งเสริมเศรษฐกิจภายในประเทศ
จุดเด่นของระบบนิเวศภายในโครงการ ครอบคลุม 6 ด้านหลัก ประกอบด้วย แคมปัสด้านอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี เพราะลูกค้าบางกลุ่มอาจไม่ต้องการมีโรงงาน แต่ต้องการทำด้านวิจัยและพัฒนาสินค้าหรือนวัตกรรม ด้านอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง รวมไปถึงศูนย์ข้อมูล (Data Center) โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย เพื่อสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคต
“การจัดบุคลากรของนิคมฯ เพื่อให้บริการลูกค้าอุตสาหกรรมใหม่ที่เข้ามาลงทุน บริษัทฯมีการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับทางสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI)และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.)”น.ส.กมลกาญจน์ กล่าว
น.ส.กมลกาญจน์ กล่าวว่า ด้านที่ 2 คือ พื้นที่โลจิสติกส์ สำหรับธุรกิจโลจิสติกส์ คลังสินค้า และศูนย์กระจายสินค้า ที่มีจุดแข็งด้านทำเลที่ตั้งที่เชื่อมต่อการคมนาคมขนส่งได้อย่างสะดวกใกล้ 3 สนามบิน และท่าเรือ ใกล้กรุงเทพ จึงเหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการความคล่องตัวในการขนส่งสินค้าทั้งภายในและต่างประเทศ
3.ในส่วนของนิคมอุตสาหกรรมอารยะ ซึ่งจัดไว้รองรับสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมใหม่ขนาดใหญ่ที่เป็นเป้าหมายของประเทศ ทั้ง กลุ่มอุตสาหกรรม Semiconductor & Electronics, กลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV), กลุ่มธุรกิจยาและเวชภัณฑ์ (Pharmaceuticals), ธุรกิจการขนส่งและกระจายสินค้า (Logistics) และกลุ่มธุรกิจศูนย์ข้อมูล (Data Center) การที่ทำเลตั้งอยู่ในพื้นที่ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (IEAT) ซึ่งจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีและการลงทุนต่างๆ ตามนโยบายของภาครัฐ ทั้งจากบีโอไอ และ กนอ. และยังเชื่อมกับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(EEC)
ด้าน โครงสร้างพื้นฐานที่มุ่งเป็นเมืองอัจฉริยะสีเขียว มีการออกแบบเมืองที่เน้นความยั่งยืน ทั้งเรื่องน้ำ การใช้พลังงานสะอาด การจัดพื้นที่ผ่อนคลาย พร้อมระบบป้องกันน้ำท่วมที่สามารถรองรับน้ำท่วมได้กว่า 100 ปี ระบบไฟมีเสถียรภาพ โดยมีสถานีไฟฟ้าย่อยด้วย
4.โซนไลฟ์สไตล์และบริการต่างๆ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ของโครงการที่มุ่งเน้นการส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับทุกคน 5. ศูนย์กลางการให้บริการชุมชน และช่วยเหลือลูกค้าของโครงการ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น สวนสาธารณะ ลู่วิ่ง และ สนามฟุตซอล และ 6. โครงการที่อยู่อาศัย เตรียมจัดสรรพื้นที่สำหรับพัฒนาเป็นโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับบุคลากร ผู้เชี่ยวชาญ และผู้บริหาร ที่ทำงานในโครงการ เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดี และลดความจำเป็นในการเดินทาง สอดคล้องกับแนวคิด Work-Live-Play
“ในเบื้องต้นเราจะมุ่งพัฒนาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมก่อน ในปีนี้น่าจะทำการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม( EIA) แล้วเสร็จจำนวน 2,000 ไร่ และใช้เวลาอีก 2-3 ปีพื้นที่ทั้ง 4,631 ไร่จะพร้อม หลังจากมีลูกค้าเข้ามาในนิคมฯเดินเครื่องได้เต็มที่ จึงจะทำการพัฒนาที่อยู่อาศัยต่อไป”น.ส.กมลกาญจน์ กล่าว
น.ส.กมลกาญจน์ กล่าวว่า โครงการอารยะ ดิ อีสเทิร์น เกตเวย์ ไม่ใช่เพียงนิคมอุตสาหกรรม แต่เป็นอสังหาริมทรัพย์เชิงธุรกิจและอุตสาหกรรมใหม่ ในรูปแบบของระบบนิเวศเมืองอุตสาหกรรมและนวัตกรรม โดยเชื่อมั่นว่าด้วยข้อได้เปรียบทั้งด้านเงินลงทุนที่แข็งแกร่ง ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ ตลอดจนเครือข่ายลูกค้าที่ได้มาจากการผสานความร่วมมือระหว่าง 3 บริษัท จะผลักดันให้โครงการประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจ ปักหมุดหมายใหม่ในการสร้างผลกระทบเชิงบวกให้เศรษฐกิจของประเทศ สังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม
