ดาวโจนส์ปิดบวก 167 จุด แรงซื้อหุ้นเทคโนโลยี-หุ้นเหล็ก

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐทั้ง 3 แห่ง ปรับตัวขึ้น ดาวโจนส์ปิดบวก 167 จุด แรงซื้อหุ้นเทคโนโลยี-หุ้นเหล็ก ส่วนตลาดยุโรปปิดบวกที่ระดับ all-time high จากหุ้นพลังงาน  ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นมากกว่า 1%

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 10 ก.พ2568 ปิดที่ 44,470.41 จุด เพิ่มขึ้น 167.01 จุด หรือ +0.38% ด้วยแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ AI รวมทั้งหุ้นผู้ผลิตเหล็กที่พุ่งขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวว่าจะเก็บภาษีเพิ่มเติมสำหรับการนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากทุกประเทศ

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 6,066.44 จุด เพิ่มขึ้น 40.45 จุด, +0.67%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,714.27 จุด เพิ่มขึ้น 190.87 จุด, +0.98%

ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่าเขาจะประกาศเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมในอัตรา 25% จากทุกประเทศ แต่ไม่ได้ระบุว่าจะมีผลเมื่อใด

การเก็บภาษีเพิ่มถูกมองว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้ผลิตในประเทศเนื่องจากอาจลดการแข่งขันจากต่างประเทศและปรับขึ้นราคาผลิตภัณฑ์ในประเทศได้

หุ้น Cleveland-Cliffs, Nucor, Steel Dynamics, U.S. Steel และ Alcoa พากันวิ่งขึ้น โดยหุ้น Cleveland-Cliffs พุ่ง 18% หุ้น Nucor เพิ่มขึ้น 5.58% หุ้นSteel Dynamics บวก 4.86% หุ้นU.S. Steel เพิ่มขึ้น 4.76% และหุ้น Alcoa เพิ่มขึ้น 2.21%

การปรับขึ้นของหุ้น U.S. Steel ยังมาจากหัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีของญี่ปุ่นกล่าวว่า Nippon Steel กำลังพิจารณาที่จะเสนอการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ในแผนการซื้อบริษัท

หุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิปก็ปรับขึ้นเช่นกัน เนื่องจากความเชื่อมั่นดีขึ้นหลังจากการเทขายหุ้นเทคโนโลยีในช่วงปลายเดือนมกราคม หนุนจากความกังวลเกี่ยวกับการเปิดตัว DeepSeek สตาร์ทอัพด้าน AI ของจีน หุ้น Nvidia เพิ่มขึ้น 2.9% หุ้น Broadcom และหุ้น Micron เพิ่มขึ้น 4.5% และ 3.9% ตามลำดับ หุ้น Alphabet หุ้น Amazon และ Microsoft ก็ปรับขึ้นเช่นกัน

แซม สโตวาล หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนของ CFRA Research กล่าวว่า นักลงทุนกลับเข้าไปในกลุ่มที่เคยทำผลงานได้ดี บวกกับมุมมองทางบวกต่อผลการดำเนินงาน

ข้อมูลจาก LSEG คาดว่า กำไรไตรมาส 4 ปี 2025 ของบริษัทในดัชนี S&P500 จะเพิ่มขึ้น 14.8% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งสูงกว่าการเพิ่มขึ้นไม่ถึง 10% ที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้

หุ้น McDonald’s เพิ่มขึ้น 4.8% หลังจากรายงานยอดขายทั่วโลกเพิ่มขึ้นเกินคาดในไตรมาส 4 ปี 2024

นักลงทุนยังจับตาแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐของประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) เจอโรม พาวเวลล์ ต่อคณะกรรมาธิการงบประมาณของวุฒิสภา สหรัฐในวันอังคาร และต่อคณะกรรมาธิการด้านบริหารทางการเงินของสภาผู้แทนราษฎรในวันพุธ

ตลาดยุโรปปิดบวกที่ระดับ all-time high ด้วยแรงหนุนจากหุ้นพลังงาน ขณะที่ตลาดประเมินคำเตือนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เกี่ยวกับการเก็บภาษีศุลกากรครั้งใหม่สำหรับการนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมทั้งหมดไปยังสหรัฐอเมริกา
กลุ่มน้ำมันและก๊าซนำการปรับขึ้น โดยเพิ่มขึ้น 1.5%

หุ้น BP ที่ซื้อขายในลอนดอน เพิ่มขึ้น 7.3% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นภายในวันเดียวที่มากสุดในรอบสองปี หลังจากรายงานระบุว่า Elliott Investment Management ได้เข้าถือหุ้นในบริษัท ซึ่งคาดการณ์ว่าจะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ของบริษัท

หุ้นผู้ผลิตเหล็ก ArcelorMittal ลดลงและหุ้น Voestalpine ลดลง 1% หลังประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่าเขาจะประกาศเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมทั้งหมดในอัตรา 25% จากทุกประเทศ

บริษัทผลิตเหล็กของยุโรปส่งออกเหล็กราว 15% ไปยังสหรัฐ

คริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรปกล่าวว่า ความขัดแย้งทางการค้าจะทำให้แนวโน้มเงินเฟ้อของยูโรโซน ไม่แน่นอนมากขึ้น

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 545.92 จุด เพิ่มขึ้น 3.17 จุด, +0.58%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,767.80 จุด เพิ่มขึ้น 67.27 จุด, +0.77%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,006.22 จุด เพิ่มขึ้น 33.19 จุด, +0.42%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 21,911.74 จุด เพิ่มขึ้น 124.74 จุด, +0.57%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้น 1.32 ดอลลาร์ หรือ 1.86% ปิดที่ 72.32 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนเมษายนเพิ่มขึ้น 1.21 ดอลลาร์ หรือ 1.62% ปิดที่ 75.87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 
 
———————————————————————————————————————————————————–