HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดร่วง ดาวโจนส์ดิ่ง 444 จุด -0.99%, ดัชนี S&P 500 -0.95%, Nasdaq -1.36% หลังประธานาธิบดีทรัมป์ วางแผนเก็บภาษีในอัตราที่เท่ากันจากหลายประเทศในสัปดาห์หน้า หลังสหรัฐฯ รายงานการจ้างงานอ่อนแอ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง บอนด์ยีลด์พุ่งสูงกว่า 4.5% ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” เพิ่มขึ้น ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ กังวลสงครามการค้าโลกจะทวีความรุนแรงขึ้น
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 7กุมภาพันธ์ 2568 ปิดที่ 44,303.40 จุด ลดลง 444.23 จุด หรือ -0.99% จากแรงเทขายหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าเขาวางแผนที่จะใช้การเก็บภาษีในอัตราที่เท่ากัน(reciprocal tariffs)จากหลายประเทศในสัปดาห์หน้า หลังการรายงานการจ้างงานที่อ่อนแอและข้อมูลความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 6,025.99 จุด ลดลง 57.58 จุด, -0.95%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,523.40 จุด ลดลง 268.59 จุด, -1.36%
ในรอบสัปดาห์นี้ โดยดัชนีดาวโจนส์ซึ่งปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง 3 สัปดาห์กลับปิดลดลง 0.54% ดัชนี S&P500 ลดลง 0.24% และดัชนี Nasdaq ลดลง 0.53%
ทรัมป์ไม่ได้ระบุว่าประเทศใดจะได้รับผลกระทบ แต่บ่งชี้นำว่าเป็นมาตรการในวงกว้างที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหางบประมาณของสหรัฐฯ ได้
การวางแผนเก็บภาษี reciprocal tariffs อาจหมายถึงการเพิ่มอัตราภาษีในวงกว้างให้เท่ากับอัตราภาษีที่คู่ค้าเรียกเก็บจากสหรัฐฯ
ตลาดหุ้นค่อนข้างกังวลอยู่แล้วก่อนที่ทรัมป์ประกาศมาตรการภาษี จากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและข้อมูลการจ้างงานที่ชี้ไปที่อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น และทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีพุ่งสูงกว่า 4.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในช่วงนั้น
ความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากการสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกน ลดลงในเดือนกุมภาพันธ์มาอยู่ที่ 67.8 ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ที่สำรวจโดย Dow Jones คาดว่าจะอยู่ที่ 71.3 แต่ที่น่ากังวลมาก็คือ ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อในช่วง 1 ปีข้างหน้าจะอยู่ที่ 4.3% ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 3.3% ที่คาดการณ์ในเดือนก่อนและเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2023 ส่
ส่วนในช่วง 5 ปีข้างหน้า ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 3.3% สูงกว่า 3.2% ที่นักวิเคราะห์คาด และเพิ่มขึ้นจากการคาดการณ์ 3.2% ในเดือนมกราคม
กระทรวงแรงงานรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมกราคมเพิ่มขึ้นเพียง 143,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่า 169,000 ตำแหน่งที่นักวิเคราะห์คาด จากที่เพิ่มขึ้น 307,000 ตำแหน่งในเดือนธันวาคม ส่วนอัตราการว่างงานลดลงมาที่ 4.0% ต่ำกว่า 4.1% ที่นักวิเคราะห์คาด ตลอดจนค่าจ้างเฉลี่ยต่อชั่วโมงในเดือนที่แล้วสูงกว่าที่คาดไว้
หุ้น Amazon ลดลง 4% หลังจากเผยคาดการณ์ที่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง โดยบริษัทมองการเติบโตของรายได้ที่ 5% ถึง 9% ในไตรมาสแรก ซึ่งเป็นการเติบโตที่อ่อนแอที่สุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งกลบผลการดำเนินงานในไตรมาสที่สี่ที่ดีกว่าคาด
แซม สโตวาล หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนของ CFRA Research กล่าวว่า ตลาดผิดหวังกับหุ้นเทคโนโลยีหรือ ‘Magnificent Seven’ และมีการสลับออกไปจากกลุ่มเหล่านี้ แต่ก็ไม่
คิดว่ากำลังเข้าสู่ตลาดหมี เพียงแต่อาจมีความผันผวนและความผิดหวังในระยะสั้น
ตลาดในสัปดาห์นี้มีความผันผวน หุ้นร่วงลงในวันจันทร์หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศเก็บภาษีจีน 10% ในสุดสัปดาห์ นอกจากนี้เขายังจะเก็บภาษีแคนาดาและเม็กซิโกในอัตรา 25% แต่ระงับชั่วคราวในภายหลัง ดัชนีS&P 500 ปรับขึ้นสามวันติดต่อกันจากการระงับภาษีก่อนที่จะตกลงอีกครั้งในวันศุกร์
หุ้น Uber พุ่งขึ้น 6.6% หลังจาก บิล แอ็คแมน มหาเศรษฐีและผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์เปิดเผยว่า เขาถือหุ้นจำนวนมากในอูเบอร์
ตลาดยุโรปปิดลบ โดยหุ้นกลุ่มรถยนต์ปรับตัวลดลงมากที่สุด เนื่องจากนักลงทุนเริ่มวิตกกังวลจากความกังวลว่าสงครามการค้าโลกจะทวีความรุนแรงขึ้น ขณะที่การคาดการณ์อัตรากำไรที่ไม่สดใสจากผู้ผลิตรถยนต์หรูอย่าง Porsche ทำให้มีความกังวลมากขึ้น
กลุ่มยานยนต์ลดลง 1.6%
หุ้น Porsche AG ลดลง 7.1% ซึ่งลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น หลังจากเตือนว่าต้นทุนของรุ่นใหม่และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับแบตเตอรี่อาจทำให้ผลกำไรในปี 2025 ลดลง
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า เขาจะประกาศเก็บภาษีนัอตราที่เท่ากันกับหลายประเทศในสัปดาห์หน้า หลังจากต้นสัปดาห์ จีนได้ประกาศมาตรการเก็บภาษีเพิ่มเติมเจาะจงไปที่สินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เพื่อตอบโต้หลังจากที่ทรัมป์ประกาศเก็บภาษี 10% กับสินค้านำเข้าจากจีนทั้งหมด
หุ้นกลุ่มสินค้าหรูที่พึ่งพาตลาดจีนลดลง 1.9%
หุ้น L’Oreal บริษัทเครื่องสำอางสัญชาติฝรั่งเศส ลดลง 3.5% หลังจากกลุ่มรายงานการเติบโตรายไตรมาสที่ชะลอตัวที่สุดนับตั้งแต่ช่วงการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 และต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
หุ้น Pernod Ricard ลดลง 4.7% จากรายงานที่ว่าบริษัทกำลังพิจารณาขายแบรนด์แชมเปญ G.H. Mumm
ในรอบสัปดาห์นี้ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวขึ้น 0.5% และทำสถิติปรับขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 7 ติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานผลประกอบการรายไตรมาสที่แข็งแกร่งจากบริษัทต่าง ๆ เช่น ArcelorMittal, Novo Nordisk และ Infineon
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 542.75 จุด ลดลง 2.09 จุด, -0.38%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,700.53 จุด ลดลง 26.75 จุด, -0.31%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,973.03 จุด ลดลง 34.59 จุด, -0.43%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 21,787.00 จุด ลดลง 115.42 จุด, -0.53%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้น 39 เซนต์ หรือ 0.55% ปิดที่ 71.00 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนเมษายนเพิ่มขึ้น 37 เซนต์ หรือ 0.50% ปิดที่ 74.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
———————————————————————————————————————————————————–

