NOK ขาดทุนยับ 1,105 ล้านบาท

สายการบินนกแอร์ประกาศผลงานไตรมาส 3 ขาดทุนมากกว่า 1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากปีก่อน สาเหตุหลักราคาน้ำมันเครื่องบินพุ่งขึ้น รายได้ลดลง ส่วนอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสารดีขึ้น ผู้บริหารเผยเดินหน้าตามเผนลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มรายได้ต่อเนื่อง

บริษัท สายการบินนกแอร์ (NOK)เปิดผลงานงวดไตรมาส 3/2561 ขาดทุนสุทธิถึง 1,105 ล้านบาท แย่ลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนขาดทุนสุทธิ 683 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 829 ล้านบาท ในไตรมาส 2

สาเหตุที่ขาดทุนมากขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันอากาศยานเครื่องบินเฉลี่ย 88.90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจาก 63.56 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในไตรมาส 3/2560 ทำให้มีต้นทุนเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นถึง 29.03% เป็น 1,131.91 ล้านบาท โดยบริษัทได้ทำสัญญาประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานบางส่วน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายป้องกันความเสี่ยงที่บริษัทกำหนด

ส่วนการดำเนินธุรกิจ ผลงานลดลงเกือบทุกตัว เช่น จำนวนเครื่องบินเฉลี่ยจาก 28.11 ลำเป็น 26 ลำ ลดลง 7.51% รายได้ต่อปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร จาก 1.99 บาท/ที่นั่ง-กม. ลดลง 11.96% เหลือ 1.75 บาท/ที่นั่ง-กม. อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร เติบโตขึ้นจาก 84.22% เป็น 86.77%

ด้านผลประกอบการรวม 9 เดือน บริษัทประสบปัญหาขาดทุนถึง 1,962 ล้านบาท มากกว่าที่ขาดทุนสุทธิ 1,628 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน

ประเวช องอาจสิทธิกุล

นายประเวช องอาจสิทธิกุล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ เปิดเผยว่า บริษัทยังมุ่งมั่นดำเนินการตามแผนลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มรายได้อย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยปัจจัยสำคัญหลักที่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทคือ ราคาน้ำมันอากาศยานเครื่องบิน ซึ่งปรับเพิ่มขึ้น เฉลี่ย 88.90 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจาก 63.56 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้บริษัทมีต้นทุนเชื้อเพลิงอยู่ที่ 1,132 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ทำให้ต้นทุนการดำเนินงานในไตรมาสนี้ยังคงสูงกว่ารายได้

อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสที่ 3 ปี 2561 บริษัทมีค่าใช้จ่ายรวมจำนวน 3,775 ล้านบาท ลดลง 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากค่าเงินบาทที่แข็งตัว และค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเครื่องบินที่ลดลงจากการเปลี่ยนแผนเส้นทางการบินที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ขณะที่รายได้รวมของบริษัทมีจำนวน 2,864 ล้านบาท ลดลง 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นปกติในไตรมาสที่ 3 เป็นช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว การลดลงของนักท่องเที่ยวจีน การแข่งขันในตลาดอุตสาหกรรมการบินที่รุนแรง ส่งผลรายได้จากค่าโดยสารลดลง 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนรายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ด้านการดำเนินงาน แม้จะอยู่ในช่วงที่ไม่ใช่ฤดูการท่องเที่ยว รวมไปถึงผลกระทบจากจำนวนผู้โดยสารชาวจีนที่หดตัว แต่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทก็ยังคงมีอัตราการเจริญเติบโตในส่วนการบรรทุกผู้โดยสารที่ร้อยละ 87 เพิ่มขึ้น 3 จุด

ล่าสุด เว็บไซต์จัดอันดับสายการบินที่น่าเชื่อถือของโลกอย่าง OAG.com ซึ่งมีเครือข่ายข้อมูลสายการบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก นำเสนอสถิติความตรงต่อเวลาของสายการบินในภูมิภาค เมื่อเดือนตุลาคม 2561 ที่ผ่านมา สายการบินนกแอร์ ติดอันดับ Top 10 มาตรฐานเรื่องความตรงต่อเวลาที่ 85.3% พ่วงรางวัล“สายการบินราคาประหยัดอันดับหนึ่งของประเทศไทย” จากสกายแทร็กซ์ เวิลด์ แอร์ไลน์ อวอร์ด ประจำปี 2561 ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในรางวัลระดับออสการ์ที่มอบให้กับสายการบินทั่วโลก ทุกเที่ยวบินมีรอยยิ้ม เส้นทางบินที่ครอบคลุมถึง 24 จุดหมายปลายทางในประเทศไทย และอีก 12 จุดหมายปลายทางในต่างประเทศ ทำให้ สายการบินนกแอร์ เป็นทางเลือกที่หนึ่งในใจของนักเดินทางที่ต้องการทั้งเที่ยวบินที่ตรงต่อเวลา บริการที่สร้างรอยยิ้ม แถมยังราคาสบายกระเป๋าอีกด้วย