HoonSmart.com >> บล.CGSI มองหุ้นไทยวันนี้ 1,345-1,365 ปัจจัยบวกจากตลาดหุ้นสหรัฐหนุน หลังเงินเฟ้อเดือนธ.ค. ชะลอตัว คลายกังวล “เฟด” ชะลอลดดอกเบี้ย กดเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า
บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI สรุปภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ และทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ (16 ม.ค.) โดย : Trend Spotter
• สรุปตลาดหุ้นสหรัฐ :
ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นแข็งแกร่ง ขานรับรายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือนธ.ค. ชะลอตัว ส่งผลให้ตลาดคลายความกังวลต่อแนวโน้มที่ Fed จะชะลอการลดอัตราดอกเบี้ยลง สนับสนุนให้ดอลลาร์อ่อนค่า ขณะที่บอนด์ยีลด์สหรัฐ 10 ปี ร่วงลงมากว่า 13bp สู่ระดับ 4.65% ทำให้มีแรงซื้อกลับในหุ้นกลุ่ม Growth stock (Tesla +8.0%, Nvidia +3.4%)
ดัชนี CPI สหรัฐเดือนธ.ค. เติบโต 2.9% yoy สอดคล้องกับที่ตลาดคาด (vs. เดือนพ.ย. +2.7%) ขณะที่ Core CPI เติบโต 3.2% yoy ต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าจะคงเดิมจากเดือนพ.ย. ที่ +3.3%
ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากธนาคารขนาดใหญ่อย่าง JPMorgan Chase (+2.0%), Goldman Sachs (+6.0%), Wells Fargo (+6.7%), Citi Group (+6.5%) ที่เริ่มรายงานผลประกอบการ 4Q24 ออกมาสดใส
ความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ที่มากขึ้น กอปรกับข้อมูลเงินเฟ้อของอังกฤษเดือนธ.ค. ที่ชะลอตัวเช่นกัน (+2.5% yoy ต่ำกว่าตลาดคาดว่าจะคงเดิมจากเดือนพ.ย. ที่ +2.6%) ยังเป็น Sentiment บวกให้ตลาดหุ้นอื่น รวมถึงราคาทองคำ (+1.3%) ปรับตัวขึ้นมา
ล่าสุดรองประธาน ECB ส่งสัญญาณลดอัตราดอกเบี้ย เช่นเดียวกับมติของธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) เมื่อวานนี้ (15 ม.ค.) ที่มีมติลดอัตราดอกเบี้ยลง 25bp สู่ระดับ 5.75% เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ สวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ย
ขณะที่ด้าน BOJ ระบุถึงแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากเศรษฐกิจและภาวะเงินเฟ้อญี่ปุ่นยังคงขยายตัว โดยการประชุมครั้งถัดไปจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า (24 ม.ค.)
วันนี้ ติดตามการประชุมของธนาคารกลางเกาหลีใต้ ที่ตลาดคาดว่าจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 3.00% หลังอัตราการว่างงานเดือนธ.ค. แตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี จากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและเสถียรภาพทางการเมืองในประเทศ รวมถึงจับตารายงานยอดขายปลีกสหรัฐและดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย รวมถึง GDP เดือนพ.ย. ของอังกฤษ
ด้านราคาน้ำมัน WTI ดีดขึ้นมาปิดบวกที่ +3.3% หลัง EIA รายงานตัวเลขสต็อกสินค้าน้ำมันดิบสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลง 2 ล้านบาร์เรล สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2022 ที่ 413 ล้านบาร์เรล ขณะที่ตลาดคาดว่าจะลดลงเพียง 9.9 แสนบาร์เรล รวมถึงมีแรงสนับสนุนจากมาตรการคว่ำบาตรอุตสาหกรรมพลังงานรัสเซียรอบใหม่ของสหรัฐ ส่งผลให้เกิดความกังวลต่ออุปทานน้ำมันที่ตึงตัว แม้จะมีรายงานว่าอิสราเอล-ฮามาสบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซาแล้ว ซึ่งคาดว่าจะมีผล 17 ม.ค.
• SET Index :
เราคาดว่า SET Index จะเคลื่อนไหวบริเวณ 1,345-1,365 จุด โดยมีแรงสนับสนุนจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง หลังรายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือนธ.ค. ของสหรัฐที่ชะลอตัว สนับสนุนแนวโน้มที่ Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น รวมถึงปัจจัยบวกในประเทศ ที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่าง Easy E-receipt จะเริ่มขึ้นวันนี้เป็นวันแรก ภายใต้เงื่อนไขการใช้งานที่แตกต่างจากปีที่แล้ว โดยเรามองว่าเงื่อนไขของโครงการในปีนี้มีข้อจำกัดที่จะทำให้ร้านค้าปลีกอาจเผชิญกับการเติบโตของ SSSG ใน 1Q25 ชะลอตัวลง จากฐานสูงในปีที่แล้ว
ประเด็นสำคัญตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ (15 ม.ค.) ก.ล.ต. ได้ออกมาระบุว่าไม่มีแนวคิดที่จะยกเลิก การอนุญาตให้ทำธุรกรรม Short sell โดยมองว่า ยังมีความจำเป็นต่อตลาดหุ้นไทย แต่อาจมีมาตรการเสริม ขณะที่จะประเมินผลและทบทวนการใช้เกณฑ์ Uptick rule ซึ่งมองว่า ส่วนหนึ่งเป็นแรงกดดันให้วอลุ่มตลาดลดลง กรณีหุ้นถูก Force Sell จากการที่ผู้บริหารนำหุ้นไปจำนำ ทาง ก.ล.ต. จะเร่งออกมาตรการเปิดเผยข้อมูลจำนำหุ้น ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1Q25
• หุ้นแนะนำ
CRC : เราคาดว่า CRC จะมี EPS เติบโต 15% ในปี FY25 ขณะที่มาตรการ Easy E-receipt ของรัฐบาลที่จะเริ่มวันนี้เป็นวันแรก (16 ม.ค.-28 ก.พ.) อาจช่วยหนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น
(Take profit : 35.50 / Stop loss : 33.00)
ADVANC : เราแนะนำหุ้นกลุ่ม Defensive Play ในสถานการณ์ที่ตลาดหุ้นไทยผันผวนและอยู่ภายใต้ปัจจัยกดดันต่างๆ ซึ่งราคาของ AIS outperform ดัชนี SET ถึง 33.4% ในปี 2024 เราจึงเชื่อว่าการประเมินมูลค่าที่ EV/EBITDA 8.6x และ P/E 22.7x ในปี 2025 น่าจะรับรู้ผลดีจากการแข่งขันที่ลดลงในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจบรอดแบนด์แล้ว รวมถึง EPS ที่คาดจะเติบโต 5.4-21.2% ในปี FY24-26
(Take profit : 292 / Stop loss : 281)
#MacroWealthResearch
#CGSInternational