CGSI คาดหุ้นสัปดาห์นี้แกว่งผันผวน ดอลลาร์แข็งต่อเนื่อง

HoonSmart.com>> บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI คาดหุ้นสัปดาห์นี้แกว่งผันผวนแถว 1,350-1,385 จุด แรงกดดันจากความไม่แน่นอนเศรษฐกิจสหรัฐฯ และดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง แต่มีโอกาสขึ้นแตะ 1,375 ได้จากปัจจัยในประเทศหนุน เชียร์ DELTA, STECON

บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI คาดว่า SET Index สัปดาห์นี้จะแกว่งตัวผันผวนบริเวณ 1,350-1,385 จุด ภายใต้แรงกดดันจากความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจในสหรัฐฯ และ ดอลลาร์ที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม มองว่าตลาดหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นแตะระดับ 1,375 จุด จากปัจจัยในประเทศที่วันนี้จะมี 2 ประเด็นหลักที่ต้องจับตา ได้แก่

1) การประชุมครม. เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) ที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายว่าจะสร้างรายได้เข้ารัฐปีละ 3.9 หมื่นล้านบาท อีกทั้ง มีรายงานว่าจะมีการพิจารณาเกี่ยวกับมาตรการทางด้านภาษี และ ด้านต่างประเทศ โดยเฉพาะร่างความตกลงการค้าเสรี หรือ FTA รวมถึงการแก้เกณฑ์ LTR Visa เพื่อดึงดูดนักลงทุน และ

2) เวทีดินเนอร์ทอล์กพูดคุยกับอดีตนายกฯ ทักษิณ ภายใต้หัวข้อ “Dinner Talk Chat with Tony: Bull Rally of Thai Capital Market”

หุ้นแนะนำ DELTA สำหรับการซื้อขายเก็งกำไรระยะสั้น ท่ามกลางสถานการณ์ที่ตลาดหุ้นไทยอยู่ภายใต้แรงกดดันและแนวโน้มไม่ค่อยสดใส (Take profit : 160 / Stop loss : 155)

STECON คาดจะสามารถคว้างานก่อสร้างมูลค่า 4 หมื่นล้านบาทในไตรมาส 4 ปี 2567 ซึ่งจะส่งผลให้ยอด backlog ของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 1 แสนล้านบาทในสิ้นปี 2567 อีกทั้งบริษัทมีแผนจะรุกธุรกิจพลังงานสะอาด, โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล, บำบัด/บริหารจัดการน้า รวมถึงธุรกิจโลจิสติกส์และการขนส่งเพื่อให้รายได้เติบโตได้ตามเป้าในปี 2573 เราจึงมองว่าราคาหุ้นในปัจจุบันน่าจะมี downside จำกัดและคงคำแนะนำ “ซื้อ” (Take profit : 6.85 / Stop loss : 6.25)

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงปิดแดนลบในวันศุกร์ (10 ม.ค.) หลังรายงานตัวเลขการจ้างงานเดือนธ.ค. ที่ออกมาแข็งแกร่ง สนับสนุนให้มีแนวโน้มมากขึ้นที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอการลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ลง โดยจาก CME FedWatch ชี้ว่าตลาดให้น้ำหนัก 97% ที่ เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.50% ในการประชุมเดือนนี้ (29 ม.ค.) และ ให้น้ำหนักลดลงมาเหลือเพียง 25% ที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมเดือนมี.ค. โดยตลาดมองว่า เฟดจะยังคงมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้แทนเช่นกัน ส่งผลให้บอนด์ยีลด์สหรัฐ 30 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2566 แตะระดับ 5% และ กดดันหุ้นกลุ่ม Growth stocks รวมถึง Small-cap ให้ปรับตัวลดลง

โดยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเพิ่มขึ้น 44,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 2.56 แสนตำแหน่ง สูงกว่าตลาดคาดที่ 1.64 แสนตำแหน่ง เช่นเดียวกับอัตราการว่างงานลดลงมาที่ระดับ 4.1% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าจะคงเดิมจากเดือนพ.ย. ที่ 4.2% ขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงอยู่ที่ 0.3% mom สอดคล้องกับที่ตลาดคาด

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังถูกกดดันจากรายงานข้อมูลดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค. ของมหาวิทยาลัยมิชิแกนอยู่ที่ 73.2 ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 74.0 แสดงถึงความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ซึ่งยังเป็นประเด็นที่ต้องจับตาโดยเฉพาะผลกระทบจากนโยบายของว่าที่ปธน. ทรัมป์ซึ่งจะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งในสัปดาห์หน้า (20 ม.ค.)

ขณะที่ด้านตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญสัปดาห์นี้ติดตามดัชนี PPI เดือนธ.ค. สหรัฐ (14 ม.ค.), ข้อมูลเงินเฟ้อเดือนธ.ค. ของสหรัฐและอังกฤษ (15 ม.ค.), GDP เดือนพ.ย. อังกฤษ รวมถึงดัชนียอดขายปลีกเดือนธ.ค. สหรัฐ และดัชนีภาคการผลิตเดือนม.ค. จากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย (16 ม.ค.) และ GDP ไตรมาส 4 ปี 2567 ของจีน และข้อมูลเงินเฟ้อยูโรโซน (17 ม.ค.)

ด้านตลาดน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับพุ่งกว่า 3.7% ขานรับภาวะอุปทานน้ำมันตึงตัวจากมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่ของสหรัฐฯ ที่จะมุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ ส่งผลให้ประเทศผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่อย่างจีนและอินเดียจะได้รับผลกระทบจากราคาต้นทุนการนำเข้าที่สูงขึ้น