ครม.อนุมัติ 4 มาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวไทย หวังดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับ หลังจากจำนวนนักท่องเที่ยวลดต่อเนื่อง รักษาฐานรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 12% ในปี 2562 จัด Amazing Thailand Grand Sale Passport Privileges ระหว่างวันที่ 15 พ.ย. 2561 – 15 ม.ค. 2562 ลดราคาสินค้า-คืนภาษีเร็ว
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการ 4 มาตรการกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวไทยในช่วงต้นฤดูกาลท่องเที่ยว ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ เพื่อรักษารายได้ทางการท่องเที่ยว ไม่ให้ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปี 2562 โดยปี 2562 มีเป้าหมายเพิ่มรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศไม่น้อยกว่า 12% หรือ ประมาณ 2.28 ล้านล้านบาท
1. โครงการ Amazing Thailand Grand Sale Passport Privileges ระหว่างวันที่ 15 พ.ย. 2561 – 15 ม.ค. 2562 โดยร่วมกับ ผู้ผลิตสินค้า เจ้าของแบรนด์สินค้าชั้นนำยอดนิยม ศูนย์การค้าห้างสรรพสินค้า คอมมิวนิตี้ มอลล์ บัตรเครดิต จัดกิจกรรมสำหรับนักท่องเที่ยว ได้แก่ ให้มีการเพิ่มส่วนลด On Top หรือให้สิทธิพิเศษจากปกติที่ศูนย์การค้าให้กับนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว ส่งเสริมการจัด Sales Promotion ในหมวดสินค้าที่นักท่องเที่ยวนิยม เช่น เสื้อผ้า เครื่องสำอาง เครื่องใช้ไฟฟ้า และแบรนด์ต่างๆ ที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว และส่งเสริมการจัด Shopping Event ในศูนย์การค้าห้างสรรพสินค้าที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากและใช้ “Passport Privileges” ณ ร้านค้า ร้านอาหาร ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า ที่เข้าร่วมกิจกรรม
นอกจากนี้ ในช่วงการจัดแคมเปญ ยังเปิดให้บริการพื้นที่พิเศษเพิ่มเติมแก่นักท่องเที่ยว ในการคืนภาษี (VAT Refund) ในพื้นที่ย่านแหล่งท่องเที่ยว หรือ ห้างสรรพสินค้า สำหรับการซื้อสินค้าออกนอกราชอาณาจักร ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของกรมสรรพากร เรื่อง การแต่งตั้งตัวแทนการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับนักท่องเที่ยว และเพิ่ม Fast Lane ณ สนามบินนานาชาติ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับ นักท่องเที่ยวที่ซื้อสินค้า จิวเวอรี่ และอัญมณี ได้คืนภาษีได้รวดเร็วขึ้น
“การจัดโครงการเพื่อกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวจีนให้กลับมา รวมถึงการทดแทนนักท่องเที่ยวที่ลดลงด้วยตลาดระยะใกล้ ได้แก่ ตลาดเอเชียตะวันออก เอเชียใต้ และอาเซียน ซึ่งจากการวิเคราะห์ตัวเลขการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าว พบว่า มีการจับจ่ายใช้สอยในหมวดของการช้อปปิ้งและค่าอาหารและเครื่องดื่มสูง”
2. สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) ได้เสนอมาตรการจูงใจและอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวในเรื่องการยื่นขอวีซ่า โดยเสียค่าธรรมเนียม 1,000 บาท ให้สามารถยื่นขอวีซ่าเข้าไทยได้ 1 ครั้ง แต่สามารถเดินทางเข้าออกได้ 2 ครั้ง (Double Entries Visa) ซึ่งมาตรการนี้จะมีระยะเวลา 2 เดือนเช่นกัน
3. ปัจจุบันนักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนใหญ่ที่เป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาด้วยตัวเอง (FIT) นอกจากจะเดินทางมาท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวหลักแล้ว จะนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศเพื่อนบ้านด้วย เช่น ลาว กัมพูชา และมาเลเซีย ซึ่งนักท่องเที่ยวจะต้องทำวีซ่าเข้ามาในไทย และเมื่อข้ามออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านและกลับมาแล้วจำเป็นต้องขอวีซ่าเข้ามาในไทยอีกครั้ง
ดังนั้นจึงเห็นชอบให้มีการอนุญาตให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางกลับเข้ามาในราชอาณาจักรไทยได้อีกโดยไม่ต้องขอวีซ่าซ้ำ ซึ่งเป็นการขออนุญาตครั้งเดียว (Re-Entry Permit) ในช่วงอายุที่เหลืออยู่ของวีซ่า ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนให้เกิดการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น และยังส่งเสริมการท่องเที่ยวข้ามแดนเพื่อเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน ตามกรอบความร่วมมืออาเซียนอีกด้วย
4. การแก้ไขกฎกระทรวงมหาดไทย เรื่องกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจ การยกเว้น และการเปลี่ยนแปลงประเภทการตรวจลงตรา โดยมีการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์การอนุญาตให้ชาวต่างชาติที่ได้รับสิทธิยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยวเป็นระยะเวลา 30 วัน ซึ่งจะเดินทางเข้าประเทศไทยผ่านช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง หรือด่านพรมแดนที่เป็นเขตติดต่อกับพรมแดนทางบก สามารถเข้ามาในประเทศไทยด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งต่อปี จากเดิมที่ต้องไม่เกิน 2 ครั้งต่อปีปฏิทิน โดยมาตรการนี้จะทดลองใช้เป็นระยะเวลา 2 เดือนเช่นกัน
นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานว่า สถานการณ์ท่องเที่ยวช่วงเดือนม.ค.-ต.ค.61 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยแล้ว 31 ล้านคน เพิ่มขึ้น 7.87% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยขยายตัวสูงสุดในเดือน ก.พ. และเริ่มลดลงตั้งแต่เดือนก.ค.ต่อเนื่องถึงเดือน ต.ค. ปัจจัยที่ทำให้นักท่องเที่ยวลดลง ได้แก่ อุบัติเหตุเรือล่มที่ภูเก็ต, การระบาดของโรคไข้เลือดออกในไทย และกรณีนักท่องเที่ยวจีนถูกทำร้ายที่สนามบินดอนเมือง ขณะที่ปัจจัยภายนอก ได้แก่ การอ่อนค่าของเงินตราต่างประเทศ, การชะลอตัวทางเศรษฐกิจของหลายประเทศที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน
ดังนั้น หากไม่มีการออกมาตรการกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยวในไทย ก็จะกระทบต่อเป้าหมายการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวของประเทศได้ โดยปีนี้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ตั้งเป้าว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาประเทศไทย 38 ล้านคน และตั้งเป้ารายได้จากการท่องเที่ยวไว้ที่ 3.3 ล้านล้านบาท (รวมนักท่องเที่ยวต่างชาติและนักท่องเที่ยวไทย)