HoonSmart.com>>กองทุน “ONE-THAIESG” สร้างผลตอบแทนโดดเด่น ติดชาร์ตแถวหน้ากลุ่มกองทุน ThaiESG ลงทุน “หุ้นยั่งยืน” ของไทย เฟ้นหุ้น ESG เด่น เติบโตไปกับเทรนด์ในอนาคตและขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน หนึ่งในทางเลือกลงทุน พร้อมรับสิทธิ์ “ลดหย่อนภาษี” วงเงินสูงสุด 3 แสนบาท ในช่วงโค้งสุดท้ายปี 67
“กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน” (ThaiESG) ในกลุ่มกองทุน “ลดหย่อนภาษี” รูปแบบใหม่ ลงทุน “หุ้น-ตราสารหนี้” ในกิจการที่ดำเนินธุรกิจภายใต้ 3 แนวคิดหลัก คือ สิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) หรือ ESG พร้อมเงื่อนไขพิเศษสำหรับลงทุนในปี 2567 นี้ ลดระยะเวลาลงทุนสั้นลงเหลือ 5 ปี และวงเงินลงทุนลดหย่อนภาษีเพิ่ม ได้สูงถึง 3 แสนบาท โอกาสลงทุนเต็มสิทธิ์ในปี 2567 นี้
ในจังหวะ “ตลาดหุ้นไทย” ปรับตัวลง ดัชนีหลุดแนวรับ 1,400 จุด ลงมาอีกครั้ง ตามทิศทางหุ้นทั่วโลก หลัง “ธนาคารกลางสหรัฐฯ” หรือ FED ส่งสัญญาณอาจลดดอกเบี้ยปีหน้าน้อยกว่าประมาณการเดิม อาจเป็นโอกาสดีในการสะสมและเข้าลงทุนกองทุน ThaiESG เพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตไปกับ “หุ้นยั่งยืน” ตามกระแสการลงทุนในธีม ESG ที่ยังมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ด้าน “บริษัทจดทะเบียนไทย” หุ้นหลายตัวในกลุ่ม “หุ้นยั่งยืน” มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง จ่ายเงินปันผลได้ดีและแนวโน้มเติบโต หนึ่งในปัจจัยหนุนสอดรับคาดการณ์เป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปี 2568 ที่ระดับ 1,640 จุด บนประมาณการ EPS ที่ระดับ 12.39%
“ONE-THAIESG” โอกาสเติบโตไปกับหุ้นยั่งยืน
สำหรับกลุ่มกองทุน ThaiESG ที่สร้างผลตอบแทนอย่างโดดเด่น อย่าง “ONE-THAIESG” หรือ “กองทุนเปิดวรรณ หุ้นไทยเพื่อความยั่งยืน” ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) วรรณ ด้วยกลยุทธ์การลงทุนบริหารเชิงรุก (Active Mangement) เพื่อสร้างผลตอบแทนให้ชนะดัชนีผลตอบแทนรวม SET ESG (SETESG TRI) ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดลงทุนในหุ้นยั่งยืน
“กลยุทธ์การลงทุน” ใน “หุ้นยั่งยืน” ไม่ลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรมใดๆ แต่เน้น “กระจาย” การลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ผ่านคะแนน SET ESG Ratings ตั้งแต่ A ขึ้นไปและผ่านกระบวนการพิจารณาผนวกปัจจัยด้าน ESG ในกระบวนการตัดสินใจลงทุน (ESG Integration)
“นโยบายการลงทุน” ของกองทุนจะลงทุนหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ทั้งในกระดานหลักและกระดานเอ็ม เอ ไอ (mai) ที่มีปัจจัยพื้นฐานดีผ่านการวิเคราะห์ของกลุ่มผู้จัดการกองทุนที่คัดเลือกหุ้นที่มีความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) หรือด้านความยั่งยืน (Environmental, Social and Governance: ESG) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV
ส่วนที่เหลืออาจลงทุนในทรัพย์สินดังต่อไปนี้ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่เกิน 20% ของ NAV และไม่ทำให้กองทุนมีฐานะการลงทุนสุทธิ (Net exposure) ในหุ้นตามลักษณะที่กล่าวข้างต้นโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีน้อยกว่า 80% ของ NAV -กองทุนรวมอื่นซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของบริษัทจัดการ และกองทุนรวมอื่นนั้นมีการลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งหน่วยลงทุนของกองทุนรวมใด ๆ ที่บริษัทจัดการเดียวกันเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินการต่อไปได้อีกไม่เกิน 1 ทอด
ทั้งนี้ กองทุนปลายทางไม่สามารถลงทุนย้อนกลับในกองทุนต้นทางได้ -ตราสารที่มีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note) รวมทั้งสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยง (Hedging) และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน (Efficient Portfolio Management)
เจาะพอร์ตลงทุนหุ้น “ตัวท็อป” – ผลงานแถวหน้ากลุ่ม ThaiESG
พอร์ตการลงทุนของกองทุนอยู่ในตัวท็อปๆ ของแต่ละอุตสาหกรรม ข้อมูล ณ วันที่ 13 ธ.ค.2567 พบหุ้น 5 อันดับแรกที่ลงทุนสูงสุด ได้แก่ หุ้น DELTA สัดส่วน 9.56% รองลงมา ADVANC สัดส่วน 8.21% AOT สัดส่วน 7.06% CPALL สัดส่วน 5.78% และ GULF สัดส่วน 5.51%
ด้านผลดำเนินงานของกองทุน “ONE-THAIESG” นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน (18 ธ.ค.2566) สร้างผลตอบแทนอยู่ที่ 7.34% และ YTD ตั้งแต่ต้นปี 2567 ถึงวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา อยู่ที่ 5.72% ย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 10.53%
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถลงทุนขั้นต่ำในครั้งแรกเพียง 2,000 บาท ส่วนการลงทุนในครั้งถัดไปไม่ได้กำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำ พร้อม โปรโมชั่นพิเศษในปีนี้ สำหรับยอดเงินลงทุนสุทธิตั้งแต่ 10,000 บาท ขึ้นไป รับหน่วยลงทุนกองทุน “1AM Daily” มูลค่า 20 บาท ถึงวันที่ 30 ธ.ค.2567 นี้เท่านั้น
สอบถามข้อมูลผ่านบลจ.วรรณ เบอร์ 02-659-8860 หรือ https://www.one-asset.com/home และบล.ไพน์ เวลท์ โซลูชั่น (บริษัทในเครือ ของ บลจ.วรรณ)
ท่ามกลางหุ้นผันผวน ด้วยผลงานการบริหารจัดการกองทุน ESG ในเชิงรุกกับกองทุน “ONE-THAIESG” ที่มุ่งหวังผลตอบแทนชนะดัชนีชี้วัดและกองทุนไม่มีนโยบาย “จ่ายเงินปันผล” เพื่อสะสมมูลค่าเงินลงทุนอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในทางเลือกการลงทุน “กองทุน ThaiESG” ที่สร้างผลตอบแทนติดแถวหน้าของกลุ่มและหากเปรียบเทียบตั้งแต่จัดตั้งกองทุน ในช่วงเดือนธ.ค.2566 จนถึงปัจจุบัน ขึ้นแท่นกองทุนที่สร้าง “ผลตอบแทน” สูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง