GULF ลั่นบริษัทใหม่เพิ่มกำไร 3 พันลบ./ปี เรทติ้งสูงขึ้น ต้นทุนเงินลดลง

HoonSmart.com>>”กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์”(GULF) เผยบริษัทใหม่ (NewCo) หลังรวม INTUCH และถือหุ้น ADVANC 40.4% กำไรเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท/ปี กระแสเงินสดอีกประมาณ 6,000 ล้านบาท/ปี   สัดส่วนหนี้สินต่อทุนลดเหลือต่ำกว่า 1 เท่า คาดเรทติ้งสูงขึ้นช่วยลดต้นทุนเงินกู้ยืม แผนปี’68 รายได้โต 15-20% เปิด COD ใหม่ 1,500 MW  เป็น 16,577 MW เปิด Data Center เฟส 1 เดือนเม.ย. จะรับรู้รายได้ในไตรมาส 3 เป็นต้นไป ตั้งงบลงทุน 2 หมื่นล้านบาท 

นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) เปิดเผยว่า ภายหลังการควบรวมกิจการระหว่าง GULF และบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์  (INTUCH) เป็นบริษัทใหม่ (NewCo) ซึ่งจะถือหุ้นบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) สัดส่วน 40.4% จะมีสถานะการเงินแข็งแกร่งขึ้น คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) จะลดลงเหลือต่ำกว่า 1 เท่า จากปัจจุบัน D/E อยู่ที่ 1.8-1.9 เท่า เนื่องจาก INTUCH เป็นบริษัทที่ไม่มีหนี้เลย นอกจากนี้ยังคาดว่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาทต่อปี และจะมีกระแสเงินสดเพิ่มขึ้นประมาณ 6,000 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้การจัดตั้งบริษัทใหม่คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงต้นไตรมาส 2/2568

“ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทใหม่เพิ่มขึ้น มีฐานทุนใหญ่ขึ้นมาก ทำให้บริษัทแข็งแรง และมีรูมในการขยายธุรกิจมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจด้านพลังงาน หรือธุรกิจ Digital ในอนาคต ซึ่งมองว่าอันดับเครดิตของบริษัทใหม่ก็น่าจะมีการปรับขึ้น จากสถานะการเงินแข็งแกร่งขึ้น ส่งผลให้การกู้ยืมเงินมีต้นทุนที่ลดลงได้”นางสาวยุพาพินกล่าว

สำหรับการดำเนินธุรกิจของบริษัทใหม่จะยังคงเน้นการเติบโตจากโครงสร้างพื้นฐานอยู่ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจพลังงาน ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ในส่วนธุรกิจพลังงานจะเน้นพลังงานสะอาด ทั้งโซลาร์, โซลาร์ฟาร์ม, โซลาร์แบตเตอรี่, พลังงานลม, โรงไฟฟ้า, เขื่อน ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนในพอร์ตให้ได้มากกว่า 40% ภายในปี 2035 มุ่งสู่ Net Zero ภายในปี 2050 สอดคล้องกับนโยบายของประเทศ และช่วยดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยด้วย โดยเฉพาะธุรกิจ Data Center ส่วนธุรกิจ Digital คงจะเน้นธุรกิจ Data Center, Cloud (คลาวด์) และ AI เป็นต้น

ส่วนรายได้ในปี 2567 ยังคงเป้าการเติบโตที่ 25% ปี 2568 คาดว่าจะเติบโต 15-20% โรงไฟฟ้าจะมีการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ใหม่ (COD) เพิ่มขึ้น 1,500 เมกะวัตต์ (MW) จาก 15,102 MW เป็น 16,577 MW เช่น โครงการโรงไฟฟ้าหินกอง (HKP) หน่วยที่สอง 770 MW ซึ่งจะเปิดเดือนม.ค.นี้,โซลาร์ฟาร์มอีก 5 โครงการ, โซลาร์แบตเตอรี่อีก 2 โครงการเปิดในไตรมาส 4 โซลาร์รูฟท็อปที่จะทยอยเปิดดำเนินการประมาณ 100 MW สามารถรับรู้รายได้ และกำไรเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้มีแผนการนำเข้า LNG อีกประมาณ 70 ลำ ประมาณ 5 ล้านตัน เพื่อใช้ในโครงการโรงไฟฟ้า กัลฟ์ ศรีราชา (GSRC), GPD และโครงการโรงไฟฟ้าหินกอง (HKP) ทำให้บริษัทมีรายได้อีกเกือบ 500 ล้านบาท และ Data Center เฟส 1 จะเปิดดำเนินการในเดือนเม.ย.2568 สามารถรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 3 เป็นต้นไป ดีมานด์ในประเทจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว จากการใช้ Data เพิ่มขึ้นขององค์กรธุรกิจ และหน่วยงานภาครัฐฯ ส่งผลต่อดีมานด์การใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างมากด้วย

” ปี2568 คาดว่าจะตั้งงบลงทุนประมาณ 20,000 ล้านบาท แหล่งเงินทุนมาจากการออกหุ้นกู้คาดว่าจะมีขนาดใหญ่กว่าปัจจุบัน เพื่อใช้รีไฟแนนซ์ และใช้ขยายธุรกิจ ส่วนแผนในช่วง 5 ปีคาดว่าจะใช้เงินลงทุน 7-8 หมื่นล้านบาท บนพื้นฐานโครงการในปัจจุบัน ไม่รวมโครงการใหม่ ส่วน 10 ปีจะลงทุนประมาณเกือบ 1 แสนล้าน”

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) แนะนำ”ซื้อ”หุ้น GULF ปรับราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2568 ขึ้นเป็น 63.75 บาท/หุ้น เบื้องต้นคาดกำไรปกติไตรมาส 4 ปี 2567 ทรงตัวที่ระดับ 4,700 ล้านบาท +/- แม้เริ่มรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้า GPD หน่วยที่ 4 ขนาด 662.5 MW หลัง COD เมื่อต้นเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา เพราะถูกกดดันจากส่วนแบ่งกำไรของโรงไฟฟ้า Jackson ที่มีโอกาสลดลงตามปัจจัยฤดูกาล อย่างไรก็ตามคาดกำไรปกติจะสามารถเติบโตเด่น YoY จากฐานที่ต่ำในปีก่อนจากการรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรจากโครงการใหม่ที่ COD ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาและส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH ที่มีแนวโน้มเติบโต YoY ต่อเนื่องตามการแข่งขันในตลาดมือถือและ Broadband ที่ลดลง

ด้านราคาหุ้น GULF ล่าสุด (22 พ.ย.2567) ปิดที่ 64 บาท ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากวันก่อน

 

———————————————————————————————————————————————————–