CIMBT กำไร 596 ลบ.Q3 พุ่ง 62% สินเชื่อขยายตัว NPL ลดลง

HoonSmart.com>>”ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย”(CIMBT)โชว์กำไรไตรมาส 3/67 จำนวน 596 ล้านบาท เติบโต 62% หนุนงวด 9 เดือนแรก กำไร 1,890 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.9% กวาดรายได้เพิ่มขึ้น รับสินเชื่อขยายตัว ตั้งสำรองหนี้ลดลง ขายสินเชื่อด้อยคุณภาพ กด NPL เหลือ 2.5% จาก 3.3% สิ้นปีก่อน

ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย(CIMBT) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2567 กำไรสุทธิ 595.67 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.02 บาท กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 62% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 367.42 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.01 บาท

ส่วนงวด 9 เดือน ปี 2567 กำไรสุทธิ 1,890.24 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.05 บาท เพิ่มขึ้น 8.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 1,736.30 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.05 บาท

ธนาคารชี้แจงกำไรงวด 9 เดือนแรกเพิ่มขึ้น เหตุหลักเกิดจากรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 4.5% และผลขาดทุนด้านเครดิตที่ควาดว่าจะเกิดขึ้นลดลง 5.7% สุทธิกับการเพิ่มขึ้นในคำใช้จ่ายในการดำเนินงาน 6.5%

รายได้จากการดำเนินงาน สำหรับงวด 9 เดือนปี 2567 มีจำนวน 10.785.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 463.5 ล้านบาท หรือ 4.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปี 2566 เนื่องจากรายใต้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้น 63.4 ล้านบาท หรือ 6.8% ส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากให้บริการชำระค่าสินค้าและบริการชำระเงิน และค่าธรรมเนียมการโอนเงินและเรียกเก็บเงิน รายได้อื่นเพิ่มขึ้นจำนวน 506.7 ล้านบาท หรือ 24.9% ส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุนสุทธิกับการลดลงของกำไรสุทธิจากการขายสินเชื่อด้อยคุณภาพและกำไรสุทธิจากเงินลงทุน สุทธิกับการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 106.7 ล้านบาท หรือ 1.5% เนื่องจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเติบโตสูงกว่าการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ย

ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเทียบกับงวดเดียวกันปี 2566 เพิ่มขึ้น 407.1 ล้านบาทหรือ 6.5% สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าเผื่อการด้อยค่าของทรัพย์สินรอการขาย สุทธิกับการลดลงของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน ทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ต่อรายได้จากการดำเนินงานงวดเก้า เดือนปี 2567 อยู่ที่ 61.7% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2566 อยู่ที่ 60.6%

อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (Net Interest Margin – NIM) สำหรับงวด 9 เดือนปี 2567 อยู่ที่ 2.3% ลดลงจากงวดเดียวกันปี 2566 อยู่ที่ 2.6% เป็นผลจากต้นทุนเงินฝากที่เพิ่มขึ้มขึ้น

ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 เงินให้สินเชื่อสุทธิจากรายได้รอตัดบัญชี (รวมเงินให้สินเชื่อซึ่งค้ำประกันโดยธนาคารอื่นและเงินให้สินเชื่อแก่สถาบันการเงิน) ของกลุ่มธนาคารอยู่ที่ 251.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบกันให้สินเชื่อ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 กลุ่มธมธนาคารมีเงินฝาก (รวมตั๋วแลกเงิน หุ้นกู้ และผลิตภัณฑ์ทางการเงินบางประเภท) จำนวน 283.7 พันล้านบาท ลดลง 8.6% จากสิ้นปี 2566 ซึ่งมีจำนวน 310.4 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อนฝาก (the Moditied Loan to Deposit Ratio) ของกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้นเป็น 88.7% จากร้อยล 31 ธันวาคม 2566

สินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLs) อยู่ที่ 6.4 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ ต่อเงินให้สินเชื่อทั้งสิ้นอยู่ที่ 2.5% ลดลงเมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 อยู่ที่ 3.3% สาเหตุเกิดจากการขายสินเชื่อด้อยคุณภาพในระหว่างงวด 2567 การบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ การปรับปรุงการบริหารคุณภาพสินทรัพย์และกระบวนการในการเก็บหนี้

อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ วันที่ 30 กันยายน 567 อยู่ที่ 138.8% เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2566 ซึ่งอยู่ที่ 124.2% ค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดงกลุ่มธนาคารอยู่ที่จำนวน 8.6 พันล้านบาท ซึ่งเป็นเงินสำรองส่วนเกินตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไพันล้านบาท

เงินกองทุนรวมของกลุ่มธนาคาร มีจำนวน 57.2 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยง 19.5% โดยเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่ 15.8%