HoonSmart.com>> ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) กำไรสุทธิไตรมาส 3/67 จำนวน 1,304.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.9% ตั้งสำรองลดลง รายได้ที่ใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นรับภาวะตลาดทุนปรับตัวดีขึ้น ส่วนงวด 9 เดือนแรกกำไร 3,579.44 ล้านบาท ร่วง 25% รายได้รวมจากการดำเนินงานลดลง 8.3%
ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2567 (สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.) มีกำไรสุทธิ 1,304.63 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.55 บาท เพิ่มขึ้น 1.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 1,280.51 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.51 บาท
ส่วนงวด 9 เดือน ปี 2567 กำไรสุทธิ 3,579.44 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 4.23 บาท ลดลง 25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 4,773.66 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 5.64 บาท
สำหรับงวดไตรมาส 3/67 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 69.7% จากไตรมาส 2/2567 และเพิ่มขึ้น 1.9% จากไตรมาส 3/66 เมื่อเทียบงวดปีก่อนกำไรเพิ่มขึ้นโดยหลักมาจากการลดลงของผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
ประกอบกับภาวะทางด้านตลาดทุนที่ปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้น 14.5 จากไตรมาส 3/2566 อยู่ที่ 1,668 ล้านบาท โดยรายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้น 10.9% จากรายได้จากธุรกิจ Wealth Management ปรับตัวเพิ่มขึ้น รายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจจัดการกองทุนยังทำได้ในระดับที่ดีตามมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการที่ปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้จากค่านายหน้าประกันลดลงตามการชะลอตัวของสินเชื่อปล้อยใหม่
ทั้งนี้ บล.เกียรตินาคินภัทรยังมีส่วนแบ่งตลาดในการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เป็นอันดับที่ 1 โดยมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 20.67%
ในขณะที่ด้านรายไดด้อกเบี้ยสุทธิมีจำนวน 4,937 ล้านบาท ปรับลดลง 17.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกนัของปีก่อน เป็นผลจากต้นทุนทางการเงินที่ปรับตัวสูงขึ้นตามภาวะอัตราดอกเบี้ย โดยส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสำหรับไตรมาส 3/2567 ปรับลดลงอยู่ที่ 4.7% จาก 5.1% ในไตรมาส 3/2566
ในส่วนของผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นปรับตัวลดลง 59.4% หากเทียบกับไตรมาส 3/2566 จากการเร่งบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์มาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการตั้งสำรองที่ลดลงตามการชะลอตัวของ
ทางด้านปริมาณสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตปรับลดลงลงหากเทียบกบัไตรมาส 2/2567 หากคิดเป็นอัตราส่วนสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อสินเชื่อรวม ณ สิ้นไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 4.1% ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 4.0% ณ สิ้นไตรมาส 2/2567 จากการหดตัวของปริมาณสินเชื่อรวม ทางด้านอัตราส่วนสำรองต่อสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิต ณ สิ้นไตรมาส
3/2567 อยู่ที่ 135.9%
ส่วนงวด 9 เดือนกำไรสุทธิลดลง25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้รวมจากการดำเนินงานลดลง 8.3% โดยหลักจากการลดลงในส่วนของรายไดด้อกเบี้ยสุทธิที่ปรับลดลง 9.2% จากต้นทุนทางการเงินที่ปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลง 5.6% โดยหลักเป็นผลมาจากรายได้ที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยสินเชื่อที่ลดลงตามการชะลอตัวของสินเชื่อปล่อยใหม่
สำหรับผลขาดทุนด้านเดรดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นสำหรับงวด 9 เดือนปี 2567 มีจำนวน 3,060 ล้านบาท ล้านบาท ปรับลดลง 34.2% หากเทียบกับช่วงเดียวกนัของปีก่อน ตามคุณภาพสินทรัพย์ที่มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับการชะลอตัวของปริมาณสินเชื่อโดยรวม