HoonSmart.com>>”ไทย ออโต ทูลส์ แอนด์ ดาย”(TATG) สอบวันแรกทำคะแนนสูงลิ่ว เปิดกระโดด 2.32 บาท ให้ผลตอบแทนแก่นักลงทุนจองซื้อหุ้นที่ 1.25 บาท สูงถึง 85.60% ราคายังต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชีที่ 3.15 บาท หุ้นเติบโตมีโอกาสปันผลสูง นำเงิน IPO ชำระหนี้บางส่วน D/E เหลือ 1 เท่า ลงทุนเพิ่มกำลังผลิต 20-30% ประสิทธิภาพสูงแข่งต่างประเทศสบาย
บริษัท ไทย ออโต ทูลส์ แอนด์ ดาย (TATG) ประสบความสำเร็จในการนำหุ้นเข้าซื้อขายใสตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันแรก (8 ต.ค.2567) ราคาเปิดกระโดดที่ 2.32 บาท พุ่งขึ้น 85.60% จากราคา IPO ที่ 1.25 บาท และขึ้นไปสูงสุดที่ 2.44 บาท ก่อนไหลลงไปต่ำสุดที่ 1.90 บาทและปิดเที่ยงที่ 1.95 บาท บวก 0.70 บาทหรือเพิ่มขึ้น 56% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 611.74 ล้านบาท
ดร.พยุง ศักดาสาวิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย ออโต ทูลส์ แอนด์ ดาย (TATG) กล่าวว่า ราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นสะท้อนถึงการต้อนรับที่ดีจากนักลงทุน ราคาขณะนี้ยังต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชี (บุ๊กแวลู) ที่ 3.15 บาท TATG เป็นหุ้นเติบโต และมีโอกาสจ่ายเงินปันผลสูง จากนโยบายจ่ายไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ หลังจากผลการดำเนินงานดีขึ้น ภายหลังจากนำเงิน IPO ชำระหนี้บางส่วน ลดสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) จาก 1 ต่อ 1.3 เท่า เหลือ 1 เท่า และใช้ลงทุนเครื่องจักรเพิ่มกำลังการผลิต 20-30% ในปัหน้า จากที่ผลิตได้ 3,000 ตัน และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ปัจจุบันได้รับการยอมรับและไว้วางใจจากลูกค้าที่เป็นแบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำและผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์รายใหญ่ สามารถแข่งขันกับผู้ผลิตจีนและญี่ปุ่นได้ พร้อมเติบโตไปกับการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมรถยนต์
บริษัทมีจุดแข็งที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้มานานกว่า 30 ปี มีทีมผู้บริหารและทีมงานแข็งแกร่ง ด้วยความพร้อมทั้งด้านเทคโนโลยี ฐานการผลิตที่ทันสมัยได้มาตรฐานสากล และมีการบริการแบบครบวงจร ปัจจุบันเป็นผู้นำในธุรกิจออกแบบและผลิตเครื่องมือสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ ครอบคลุมถึงการออกแบบและผลิตแม่พิมพ์โลหะ อุปกรณ์จับยึดเพื่อการตรวจสอบ อุปกรณ์จับยึดเพื่อการประกอบ และผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ได้รับการยอมรับในระดับภูมิภาคเอเชีย
ส่วนความกังวลเรื่องผลกระทบจากยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ลดลง 20-30% แต่บริษัทชะลอลงเพียง 10% เนื่องจากมีรายได้จากรถยนต์ที่ส่งออกด้วย ผลิตสินค้าป้อนให้กับผู้ผลิตรถยนต์ทั้งในและต่างประเทศ และมั่นใจว่าเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น กำลังซื้อรถยนต์ก็พร้อมจะกลับมา นอกจากนี้ภาครัฐยังให้การส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์อย่างต่อเนื่อง ล่าสุด EV ทำให้ความต้องการยังคงมีโอกาสเติบโตที่ดี
ด้านบล.โกลเบล็กวิเคราะห์ TATG ให้ราคาเหมาะสม 1.98 บาทในปี 2568 คาดหวังอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ 5.6% ต่อปี ราคาเป้าหมายอ้างอิงค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี ของหุ้นที่ทำธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ได้ P/E เฉลี่ยที่ 7.6 เท่า โดยประเมินกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.26 บาท คาดผลประกอบการปี 2567-2568 เติบโตตามภาวะอุตสาหกรรม ประมาณการรายได้ประมาณ 3,211.3 ล้านบาท และ 3,436.1 ล้านบาท เติบโต +7.0% และ +7.0%ตามลำดับ คาดกำไรสุทธิ 82.8 ล้านบาท และ 102.9 ล้านบาท เติบโต +77.5% (เทียบกับฐานต่ำ) และ +24.3% ตามลำดับ
ฝ่ายวิจัยบล.เอเซียพลัสคาดกำไรของ TATG ยังคงมีโมเมนตัม จากครึ่งปีนี้กำไรสุทธิ 45 ล้านบาทหนุนกำไรปี 2567-2568 มาอยู่ที่ 98 ล้านบาท (+110% ) และ 109 ล้านบาท (+11%) ตามลำดับ มองว่าทำได้ดีกว่า AH, SAT และ STANLY ซึ่ง BLOOMBERG CONSENSUS (ณ 26 ส.ค.2567) ประเมินทั้ง 3 บริษัท มีกำไรปกติงวดปี 2567 ลดลงจากปีก่อน
“มูลค่าหุ้น TATG ในปีหน้าอยู่ที่ 1.77 บาท อิง P/E 6.5 เท่า ฝ่ายวิจัยเห็นว่ามีจุดน่าสนใจจากทิศทางกำไรปี 2567 เติบโตสูงกว่ากลุ่มฯ ประกอบกับยอดผลิตรถยนต์ไทย มีแนวโน้มทยอยฟื้นตัวปีหน้า ตามการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ หนุนกำไรปี 2568 ขยายตัวต่อเนื่อง ขณะที่ P/Eในการประเมินมูลค่าพื้นฐาน ถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย P/Eหุ้นในกลุ่ม (AH, SAT และ STANLY) 1 ปีย้อนหลังที่ 7 เท่า”ฝ่ายวิจัยบล.เอเซียพลัสระบุ