HoonSmart.com >> เมกะเทรนด์ใหม่ 1 ในจุดหมายการลงทุนด้าน Data center ที่น่าสนใจ โอกาสที่ Infrastructure Technology จะเป็น New S Curve ที่มีโอกาสหนุนไทยระยะกลาง-ยาว กลุ่ม “ซีชอร์” จาก “ดูไบ” ขนเงินลงทุนจับคู่ PROEN ลุย ดาต้า เซ็นเตอร์ โครงการ OTT DC ถือฤกษ์เปิดตัว 11 ต.ค.นี้
หลัง Google ประกาศแผนลงทุนสร้าง Data Center และ Cloud Region ในประเทศไทย มูลค่าเงินลงทุนเฟสแรก 1,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 35,000 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพ และความพร้อมของไทยในการเป็นศูนย์กลางธุรกิจดิจิทัลของภูมิภาค
ปัจจุบันมีโครงการ Data Center และ Cloud Service ขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ รวม 46 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 167,989 ล้านบาท ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ ชลบุรี และระยอง
ก่อนหน้า Amazon Web Service (AWS) ประกาศลงทุนในไทยกว่า 2 แสนล้านบาท ภายในปี 2580 โดยเฟสแรกลงทุนสร้าง Data Center แล้ว 3 แห่ง เงินลงทุนกว่า 25,000 ล้านบาท
ส่วน Microsoft ประกาศแผนลงทุน Data Center ในไทยแล้วเช่นกัน แต่ยังไม่เปิดเผยตัวเลขลงทุน
อย่างไรก็ตาม มูลค่าลงทุนในประเทศอินโดนีเซีย อยู่ที่ 1.7 พันล้านดอลลาร์ และมาเลเซีย อยู่ที่ 2.2 พันล้านดอลลาร์ ภายในระยะเวลา 4 ปี ข้างหน้า
“ในภูมิภาคอาเซียน ประเทศไทย ยังถือว่าเป็นผู้เล่นที่มีขนาดเล็กในอุตสาหกรรม Data Center เมื่อเทียบประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลยเซีย และสิงคโปร์ ตามข้อมูลของ Cushman & Wakefield ประเทศไทยมี Data center ทั้งหมด 59 แห่ง รวมความจุ 66 MW ณ สิ้นไตรมาส 1/2567” บทวิเคราะห์ บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล ระบุ
นอกจากนี้ ไทยยังมี Data center ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 80 MW และอยู่ระหว่างการวางแผนอีก 246 MW โดยเชื่อว่าไทยมีความต้องการ Data center ในประเทศสูง เนื่องจาก ประชากรที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีมีจำนวนเพิ่มขึ้นมาก ส่งผลให้ความต้องการอินเทอร์เน็ตพุ่งสูงขึ้นตาม
อีกทั้งเชื่อว่าไทย มีโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งและพัฒนาต่อเนื่อง เช่น โครงข่ายพลังงานไฟฟ้าที่เชื่อถือได้ และโครงข่ายโทรคมนาคมที่พัฒนาแล้ว ส่งผลให้ไทยกลายเป็นหนึ่งในจุดหมายการลงทุนด้าน Data center ที่น่าสนใจ
นอกจากความเคลื่อนไหวของบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่เตรียมเข้าลงทุนในไทยแล้ว บริษัท โปรเอ็น คอร์ป (PROEN) ผู้ประกอบการ Data Center ชั้นนำของเมืองไทย ที่มีประสบการยาวนานกว่า 25 ปี ให้บริการดาต้า เซนเตอร์ พื้นที่ 2,000 ตารางเมตร ณ อาคารโทรคมนาคม บางรัก รองรับการใช้ไฟฟ้ารวม 1.2 เมกะวัตต์ ให้บริการเต็มจำนวน 700 ตู้แร็ค
ล่าสุด PROEN จับมือกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่จากประเทศดูไบ โดย PROEN ขายศูนย์บริการข้อมูล ดาต้า เซ็นเตอร์ โครงการ OTT DC ให้กับ บริษัท ซีชอร์ ดาต้า เซ็นเตอร์ แอนด์ คลาวด์ เซอร์วิสเซส จำกัด มูลค่า มูลค่า 802 ล้านบาท และนำเงินส่วนหนึ่งจำนวน 246 ล้านบาท กลับเข้ามาถือหุ้น 30% ในซีชอร์ ดาต้า เซ็นเตอร์ฯ โดยซื้อจาก บริษัท แมกม่าโฮลดิ้ง จำกัด
“แมกม่าโฮลดิ้ง” ถือเป็นเจ้าพ่ออสังหาฯ ในดูไบ โดย Mr.Hussain Ali Habib Sajwani มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้ง DAMAC Properties ถือหุ้นใหญ่ และกำลังมองหาโอกาสการขยายธุรกิจ ซึ่งอยู่ในเมกะเทรนด์ การจับมือกันระหว่าง PROEN และกลุ่มทุนดูไบ ครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการบุกตลาด Data Center ในไทย
สำหรับ PROEN OTT DC มูลค่าลงทุนราว 1.5 พันล้านบาท เตรียมเปิดให้บริการ 1 เมกะวัตต์ ในปีนี้ ส่วนปีหน้า เตรียมขยับขึ้นเป็น 5 เมกะวัตต์ รองรับกลุ่มลูกค้าใหม่ที่เป็นผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ AI Server
บล.กรุงศรี ประเมินว่า หลัง Google ประกาศลงทุนในไทย 3.6 หมื่นล้านบาท และคาดว่าระยะถัดไป จะมีความต่อเนื่องเม็ดเงิน เน้น WHA, GULF, GPSC, ADVANC, TRUE, BE8, BBIK
“Google ถือเป็นยักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ รายที่ 3 ต่อจาก Amazon และ Microsoft ที่ประกาศลงทุนธุรกิจในไทย เม็ดเงิน 3.5 หมื่นล้านบาท ของ Google มีนัยฯ เราประเมินบ่งชี้ระดับการลงทุน Data Center 100 +/- MW และตามปกติเมื่อมีการลงทุนระยะแรกแล้ว มักจะเห็นความต่อเนื่อง”
การลงทุน Google เป็นส่วนหนึ่งหนุนกำลังให้บริการ Data Center ไทยใน 4-5 ปีข้างหน้า +44.5% ต่อปี สูงกว่าโลกที่ +8.0% ต่อปีมีนัยฯ
สัญญาณดังกล่าว บ่งชี้โอกาสที่ Infrastructure Technology จะเป็น New S Curve ที่มีโอกาสหนุนไทยระยะกลาง-ยาว
มองหุ้นในธีม Infra Tech ระยะสั้นที่โดดเด่น คือ กลุ่มต้นน้ำ – กลางน้ำ
กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ได้ประโยชน์จากการขายที่ดิน เน้น WHA โรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์จากการจ่ายไฟให้ Data Center และคาดเป็นธีมหลักหนุนเกิดภาพ Rerate Valuation ครั้งใหม่ เน้น GULF, GPSC
กลุ่มสื่อสาร เป็นผู้ที่มี Data Center มากเป็นลำดับต้นของประเทศอยู่แล้ว จะเป็นกลุ่มได้ประโยชน์จากการขยาย Data Center ย่อยของยักษ์ใหญ่ระดับโลก เป็น New S Curve เน้น ADVANC, TRUE
กลุ่ม Digital Tech Consult การลงทุน Data Center นำมาสู่งานประเภท Cloud Adoption ตามด้วย AI Adoption เน้น BE8, BBIK
ในเชิงกลยุทธ์ บล.กรุงศรี แนะนำลงทุนหุ้นในธีมดังกล่าวต่อเนื่อง ระยะสั้นวางกลยุทธ์เน้นกลุ่มได้ประโยชน์ต้นน้ำ-กลางน้ำเป็นหลัก เน้น WHA, GULF, GPSC, ADVANC, TRUE, BE8, BBIK
บล.เอเซีย พลัส มองว่า หุ้นโรงไฟฟ้าที่คาดได้ประโยชน์ คือ GULF เนื่องจาก บริษัทได้มีการประกาศลงนามสัญญาความร่วมมือกับ บริษัท กูเกิ้ล เอเชีย แปซิฟิก จำกัด (GOOGLE) เพื่อดำเนินธุรกิจการให้บริการระบบ GOOGLE DISTRIBUTED CLOUD AIRGAPPED (GDC AIR-GAPPED) ซึ่งเป็นระบบที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ไร้การเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตสาธารณะโดยสิ้นเชิง มีจุดเด่นด้านความเสถียรภาพ และมีความปลอดภัยสูง เหมาะแก่การใช้สำหรับองค์กรในประเทศไทย
ทั้งนี้ GULF จะเป็นผู้ดำเนินงานในฐานะ MANAGED GDC PROVIDER ผ่านการให้คำปรึกษาและบริการ จากผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงการจัดการ ดูแลระบบอย่างครบวงจร ถือเป็นส่วนหนึ่งในการต่อยอดธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของ GULF ในการรองรับความต้องการพื้นที่จัดเก็บและประมวลผลข้อมูลที่จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงช่วยต่อยอดในธุรกิจไฟฟ้าของ GULF ได้ในอนาคต และหุ้นโรงไฟฟ้าอื่น ๆ มีโอกาสเห็นการใช้พลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในอนาคต อย่าง BGRIM, GPSC, WHAUP เป็นต้น
หุ้นกลุ่มนิคม AMATA และ WHA มีศักยภาพเพียงพอที่จะรองรับ DATA CENTER โดยประเมินว่า WHA มีโอกาสได้คว้างานมากกว่า AMATA เนื่องจากฐานลูกค้าของ WHA เป็นกลุ่มอุตสาหกรรม NEW ECONOMY ประกอบกับ WHA มีการพัฒนาบริษัทให้มีความเป็น TECH COMPANY
หุ้นกลุ่มสื่อสารขนาดใหญ่อย่าง ADVANC,TRUE ที่แม้ทาง GOOGLE จะมีการสร้างดาต้าเซ็นเตอร์เอง แต่ยังจำเป็นต้องมีการเชื่อมต่อกับลูกค้าเป้าหมายที่จะต้องอาศัยโครงข่ายพื้นฐาน เช่น เส้นใยแก้วนำแสง ซึ่งมีโอกาสที่ GOOGLE จะเลือกใช้บริการดังกล่าว จากกลุ่ม ADVANC หรือ TRUE
ส่วนหุ้นกลุ่มรับเหมาสื่อสารมีธุรกิจเกี่ยวกับ Data Center และ CLOUD SERVICE คาดได้ประโยชน์เช่นกัน อาทิ AIT, INSET, ITEL ฯลฯ
บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) มองหุ้นที่ได้ประโยชน์ จากการขยายบริการด้าน Data Center/Cloud (GULF ADVANC TRUE) กลุ่มนิคมที่มีโอกาสเป้าหมายตั้ง DATA CENTER (WHA AMATA) กลุ่มที่ Tech Consult (BBIK BE8) เป็นต้น