HoonSmart.com>>บลจ.อีสท์สปริง คัด 3 กองทุนเด่นประจำเดือนต.ค. เพิ่มโอกาสลงทุนหุ้นอินเดีย-หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์-ตราสารหนี้ทั่วโลก หลายปัจจัยหนุน แนะนำกองทุน “ES-INDAE ,ES-GINCOME,ES-HEALTHCARE”
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อีสท์สปริง (ประเทศไทย) คัด Fund of the Month: ประจำเดือนต.ค.2567 เพิ่มโอกาสการลงทุนกับ 3 กองทุนแนะนำ ได้แก่ กองทุนเปิดอีสท์สปริง India Active Equity (ES-INDAE) ,กองทุนเปิดอีสท์สปริง Global Income (ES-GINCOME) และกองทุนเปิดอีสท์สปริง Global Healthcare (ES-HEALTHCARE)
บลจ.อีสท์สปริง มองกองทุน ES-INDAE ซึ่งมีนโยบายลงทุนในตลาดหุ้นอินเดียมีน่าสนใจ จาก 4 ปัจจัยสนุน ได้แก่ เศรษฐกิจอินเดียยังเติบโตในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคเอเชียและฟื้นตัวจาก cOVID-19 ชัดเจนที่สุดเมื่อเทียบกับกลุ่ม
ด้านอัตราดอกเบี้ยมีโอกาสปรับลดได้เร็วกว่าประเทศอื่นๆในภูมิภาค จากที่เงินเฟ้อเข้าสู่กรอบเป้าหมายและเป็นเพียงไม่กี่ประเทศที่มีส่วนต่างดอกเบี้ยนโยบายสูงกว่าสหรัฐฯ
ขณะที่การเลือกตั้งไม่พลิกโผ นายกฯ Modi สามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคร่วมพร้อมได้บริหารกระทรวงสำคัญของประเทศ ทำให้นโยบายการบริหารประเทศ ซึ่งเน่นพัฒนาภาคอุตสาหกรรมและการลงทุนจากต่างชาติจะต่อเนื่อง ช่วยหนุนเศรษฐกิจทั้งระยะสั้นและระยะยาว
นอกจากนี้ Modi ตั้งเป้าขาดดุล GDP น้อยลงในสมัยใหม่ ซึ่งช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนต่างชาติและยังมาจากการผลักดัน GDP ให้เติบโตแซงหน้าการใช้จ่าย
กองทุน ES-GINCOME นโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วโลก มอง 3 ปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจสหรัฐฯยังเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ มีโอกาสเกิด Soft Landing หรืออาจถึงขั้น No Landing ทำให้ตราสารหนี้ภาคเอกชนยังมีความต้องการสูง โอกาสที่ Spread จะขยายกว้างขึ้นค่อนข้างต่ำ
ขณะที่เงินเฟ้อและภาคแรงงานสส่งสัญญาณอ่อนตัวลงเร็วกว่าเดิมในช่วงกลางปี 2567 เป็นต้นมา ทำให้โอกาสที่ Fed จะลดดอกเบี้ยหลายครั้งในปีนี้และปีหน้า
นอกจากนี้ ES-GINCOME มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน เหมาะกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ในระยะสั้นๆ เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแนวโน้มลดดอกเบี้ยเร็วและขนาดที่ใหญ่กว่าธนาคารแห่งประเทศไทยที่อาจลดดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งในปีนี้
ส่วนกองทุน ES-HEALTHCARE ลงทุนในหุ้นกลุ่ม Healthcare มองน่าสนใจลงทุนโดยมีปัจจัยสนุน 3 ประเด็น จากการที่ตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้วถูกกดดันเชิง Sentiment ในระยะสั้น จากผลประกอบการกลุ่มเทคโนโลยีที่เติบโตน้อยกว่าความคาดหวัง ทำให้เริ่มเห็นแรงซื้อหุ้นกลุ่ม Defensive อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้กำไรของกลุ่ม Healthcare มีแนวโน้มเติบโตระดับ Double-Digit ในปี 2568 ตามคาดการณ์เฉลี่ยนักวิเคราะห์ เป็นปัจจัยหนุนให้กลุ่มในระยะถัดไป
ตลาดหุ้นโลกในช่วงที่ผ่านมาต่างเก็งกำไรกรจุกตัวในหุ้นกลุ่มเติบโต โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีตามเทรนด์ความต้องการ AI ทำให้กลุ่ม Defensive ยังมีระดับราคาไม่สูง ขณะที่ผลประกอบการยังเติบโตได้อย่างสม่ำเสมอตามเศรษฐกิจประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งเป็นน้ำหนักส่วนมากของกลุ่ม Healthcare