“อัสสเดช” เปิดแผนพัฒนาตลาดทุนไทย เพื่อส่วนรวม เท่าเทียมแบบสมดุล ฟื้นเชื่อมั่น

HoonSmart.com>>”อัสสเดช คงสิริ” ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยคนที่ 14 ประกาศพัฒนาตลาดทุนไทย “เพื่อส่วนรวม สร้างสมดุลความเท่าเทียม” เพิ่มความเชื่อมั่น นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย พร้อมทำงานร่วมกับทุกฝ่าย เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ส่วนความได้เปรียบเสียเปรียบให้ความสำคัญกับพฤติกรรม เล็งหามาตรการจูงใจให้บจ.เพิ่มมูลค่ากิจการ  ปั้นธุรกิจดาวเด่นของไทย ยกธุรกิจการแแพทย์ ตั้งใจสร้างตลาดทุนไทยเป็นศูนย์กลางระดมทุนในภูมิภาค รายละเอียดรอบอร์ดอนุมัติ 

นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยคนที่ 14 เปิดตัวกับผู้สื่อข่าวครั้งแรกหลังจากเข้ามารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการว่า สิ่งที่ตลาดหลักทรัพย์ควรจะปฏิบัติ คือทําเพื่อส่วนรวม และสร้างความเท่าเทียมที่มีหลายมิติ ไม่ใช่แค่ความเท่าเทียมระหว่างนักลงทุนอย่างเดียว มองถึงความเท่าเทียมของธุรกิจ ของทุกคน ทั้งคนไทยและต่างชาติเข้าถึงตลาดทุน ทั้งการออมและการลงทุนมากขึ้น

“ผมพร้อมร่วมมือกับทุกฝ่ายในการพัฒนาตลาดทุนของเรา ซึ่งไม่ใช่ของตลาดหลักทรัพย์หรือของใครคนหนึ่ง ปัจจุบันสิ่งที่เราและตลาดโชคดีก็คือเทคโนโลยี มีการพัฒนามหาศาลไม่ว่าจะเป็น AI ควรนําเทคโนโลยีเข้ามาร่วม เพื่อส่วนรวมและสร้างความเท่าเทียม ซึ่งเป็นทั้งโอกาสและความเสี่ยง ดังนั้นจะต้องสร้างความสมดุลให้เหมาะสม”นายอัสสเดชกล่าว

ส่วนเรื่องที่พูดถึงกันมากเรื่อง trust และ confidence ในฐานะที่เพิ่งเข้ามารับตําแหน่ง ยอมรับว่าใน 2-3 ปีที่ผ่านมามีเหตุการณ์ ทำให้ความเชื่อมั่นในตลาดทุนไทยลดลง วันนี้ตลาดหลักทรัพย์รวมถึงองค์กรอื่นได้ออกมาตรการหลายเรื่อง หน้าที่ของผู้จัดการก็ต้องเชื่อมต่อแผนเหล่านั้นให้เกิดขึ้นได้ กลับมาที่ทําเพื่อส่วนรวมและสร้างความเท่าเทียมเป็นหัวใจในการพัฒนาตลาดทุน

การสร้างความเชื่อมั่น การดําเนินการที่รัดกุมและรวดเร็ว เป็นสิ่งสําคัญ ล่าสุดตลาดหลักทรัพย์ได้เซ็น MOU กับปปง.และก.ล.ต.เป็นความคิดคล้ายกับที่เสนอ จะต้องสานต่อให้เกิดผลให้ทุกคนเห็นว่าสิ่งที่ 3 หน่วยงานได้ร่วมมือ มีความตั้งใจที่จะดําเนินการให้รัดกุม ให้รวดเร็วขึ้นได้เกิดขึ้นจริง อีกเรื่องหนึ่งก็คือการสื่อสารจะต้องรวดเร็ว เช่น โดนหลอกให้ไปลงทุนได้รับความเสียหายแล้วฆ่าตัวตาย ซึ่งเทคโนโลยีสมัยนี้ การโกงการหลอกไม่ใช่แค่การลงทุน เกิดขึ้นเยอะ ตลาดหลักทรัพย์มีบทบาทในการสื่อสาร จะเร็วกว่านี้ได้หรือไม่ และจะทำอย่างไร

สำหรับการได้เปรียบเสียเปรียบเรื่องของระบบการซื้อขาย เช่น HFT มีความรู้สึกว่ามีความไม่สมดุล ไม่ว่าจะเป็นโรบอทหรือนักลงทุนรายย่อยหรือนักลงทุนสถาบัน แนวคิดในวันนี้ มองนักลงทุนไม่ใช่ว่าเป็นคอมพิวเตอร์หรือเป็นบุคคลหรือเป็นเด็กหรือเป็นผู้ใหญ่ แต่อยากจะแยกแยะจากพฤติกรรมสําคัญที่สุด พฤติกรรมอะไรที่ที่คิดว่าไม่เหมาะสมกับตลาดทุนไทย หรือเอาเปรียบก็ไม่ควรจะสนับสนุน พฤติกรรมอะไรที่ดีต่อตลาดทุน ทําให้พัฒนาได้ยั่งยืนและยิ่งมากขึ้นก็เป็นพฤติกรรมที่ควรจะสนับสนุน คือหลักการกว้างๆ

นายอัสสเดชกล่าวถึง การยกระดับบริษัทจดทะเบียน(บจ.) ซึ่งมีโปรแกรมจะดำเนินการ นำตัวอย่างจากต่างประเทศมาใช้ ไม่ว่าจะเป็น value up ของเกาหลี หรือของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดี  ร่วมกับทีมงานเตรียมจะเสนอให้คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์พิจารณาในเดือนต.ค.หรือเดือนพ.ย.นี้  ซึ่งเป็นบทบาทที่ตลาดหลักทรัพย์ร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐด้วย คิดไปไกลว่าจะมีมาตรการมาจูงใจให้เพิ่มมูลค่ากิจการ ให้คิดนอกกรอบหรือคิดมากกว่าปัจจุบัน

” เราจะต้องเตรียมความพร้อมเวลาไปพบนักลงทุนต่างประเทศ ทั้งที่อยู่ในประเทศไทยแล้ว เสน่ห์ของของตลาดเราคืออะไร เราจะส่งเสริมจุดนั้นได้มากขึ้น ในทางกลับกันนักลงทุนที่ไม่อยู่กับเราแล้ว ก็ต้องให้ความสําคัญ ต้องเรียนรู้ว่า ทําไมเขาถึงไม่อยู่กับเราแล้วจะมาแก้ไขมาสื่อสานต่อ  เรามีหลายโปรแกรม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจูงใจหรือสนับสนุนให้บจ.เพิ่มมูลค่าของตัวเอง ซึ่งเห็นตัวอย่างจากบจ.ในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ(mai) หลายแห่ง มีการพัฒนาตัวเองให้เติบโตได้มาก ”

ปัจจุบันตลาดทุนไทยยังมีเสน่ห์  50 ปีที่ผ่านมามีการเติบโต ผู้บริหารมีการสร้างความแข็งแกร่ง มีสภาพคล่องที่เหนือกว่าตลาดอื่นในภูมิภาค  เป็นเสน่ห์ให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุน แต่เมื่อเทคโนโลยีมีการพัฒนามากและรวดเร็วจะต้องนำมาใช้ ซึ่งในตลาดทั่วโลกมีการพัฒนาซึ่งการพัฒนาบางจุด ทําให้ความสมดุลในความเท่าเทียมเปลี่ยนไปไหม ตลาดหลักทรัพย์ต้องสร้างความเท่าเทียมให้มากขึ้นต่อสถานการณ์ทั้งปัจจุบันและในอนาคต  ที่ผ่านมามีการพูดถึงการชอร์ตเซล พฤติกรรมการชอร์ตเซลที่ไม่เหมาะสม ตลาดหลักทรัพย์ได้ออกเกณฑ์มากำกับดูแล ซึ่งได้ผลแต่ก่อนมีสัดส่วนประมาณ 13-14% ตอนนี้เหลือ 4% ของการซื้อขายแต่ละวัน ตลาดจะต้องคอยมองและโฟกัสที่พฤติกรรม โดยไม่ได้เหมารวมว่า HFT ไม่ดีหมด ดูกันเป็นกรณีไปแล้วแยกตามพฤติกรรม

นอกจากนี้ทางตลาดและก.ล.ต.มีการปรึกษากันค่อนข้างมาก จะมีการออกมาตรการการเปิดเผยข้อมูล ของผู้บริหารบจ.หรือเจ้าของนำหุ้นไปไปจํานํา กำลังพิจารณาจะออกมาตรการยังไงให้เหมาะสม เพราะเป็นข้อมูลที่สําคัญและนักลงทุนควรจะรับทราบ คาดว่าจะออกมาตรการได้ภายในปีนี้

ขณะเดียวกันยอมรับว่าข้อมูลของตลาดมีจำนวนมาก แต่นำมาใช้ลำบาก ตอนนี้หารือกับทีม IT ว่าจะทำอย่างไรให้เข้าถึงง่ายขึ้น เทคโนโลยีปัจจุบันทําให้แต่ละคน Customize เองได้ไหม เมื่อเปิดใช้หน้าจอ SET อยากทราบข้อมูลเฉพาะที่สนใจ เพื่อทุกคนใช้งานง่ายขึ้นสะดวกขึ้น

นายอัสสเดชกล่าวว่า อยากเห็นตลาดทุนไทยเป็นศูนย์กลางในการระดมทุนของภูมิภาค โดยทีมงานกำลังรวบรวมว่าจะเป็นศูนย์รวมในการ ระดมทุนของอุตสาหกรรมไหนได้บ้าง  ที่ประเทศไทยมีจุดเด่น เช่น เฮลธ์แคร์เรื่อง wellness ไทยเป็นผู้นำโลก คนต่างชาติมาจากทั่วโลกเพื่อมารักษา ไม่ใช่เพราะว่ามีหมอเก่ง หรือโรงพยาบาลดีอย่างเดียว ราคาก็ดีด้วย ยกตัวอย่าง ในอนาคตโรงพยาบาลในเวียดนาม หากเติบโตและอยากจะเข้าระดมทุนในตลาดทุน ให้คิดถึงตลาดหุ้นไทยเป็นที่แรก เพื่อต่อยอดสามารถสร้าง supply chain ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องมาอยู่ที่ไทย  ซึ่งจะต้องร่วมมือกับหลายหน่วยงาน เรื่องโปรแกรมสนับสนุน ดึงดูดหรือจูงใจให้มา ซึ่งอยากเห็นการพัฒนาถึงจุดนั้น แม้เป็นเรื่องระยะยาวก็ตาม