HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 137 จุด แตะระดับสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง รับรายงานเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงต่อเนื่อง นักลงทุนคาดหวังเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ปรับตัวเพิ่มขึ้น ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 27กันยายน 2567 ปิดที่ 42,313.00 จุด เพิ่มขึ้น 137.89 จุด หรือ +0.33% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง จากการรายงานเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,738.17 จุด ลดลง 7.20 จุด, -0.13%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,119.59 จุด ลดลง 70.70 จุด, -0.39%
ในรอบสัปดาห์นี้ ทั้งสามดัชนีหลักปิดบวกติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สาม โดยดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 0.59%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 0.62% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 0.95%
นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นจากข้อมูลเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มเข้าสู่กรอบเป้าหมาย 2% ของเฟด ซึ่งอาจเป็นปัจจัยให้เฟดมีเหตุผลมากขึ้นในการลดอัตราดอกเบี้ยต่อไปอย่างมั่นใจ
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานในวันศุกร์ว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงานเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 2.2% ใน เมื่อเทียบรายปี จาก 2.5% ในเดือนกรกฎาคม และต่ำกว่า 2.3% ที่นักวิเคราะห์คาด และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE ทั่วไป เพิ่มขึ้น 0.1% จาก 0.2% และต่ำกว่า 0.2% ที่นักวิเคราะห์คาด
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาด จาก 2.6% ในเดือนกรกฎาคม และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.1% จาก 0.2% และต่ำกว่า 0.2% ที่นักวิเคราะห์คาด
คริส ซัคคาเรลลี ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนของ Independent Advisor Alliance กล่าวว่า โดยที่อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ควบคุมได้ และมีแนวโน้มที่ต่อเนื่อง เฟดสามารถมุ่งความสนใจแทบจะทั้งหมดไปที่ตลาดแรงงานได้ ซึ่งหมายถึงมีความโน้มเอียงในทางลดอัตราดอกเบี้ย และการที่เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยที่การเติบโตทางเศรษฐกิจไม่ได้ถดถอย ถือเป็นปัจจัยบวกสำคัญสำหรับทั้งตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ และน่าจะช่วยบรรเทาได้บ้างสำหรับผู้บริโภคที่มีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยมากกว่า
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงมีความเห็นต่างกันว่าเฟดจะปรับลด 0.25% หรือ 0.50%ในการประชุมนโยบายครั้งถัดไปในเดือนพฤศจิกายน โดยโอกาสที่จะมีการปรับลดครั้งใหญ่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 54% หลังจากการเปิดเผยข้อมูล PCE
มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยผลสำรวจ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนกันยายน ว่าเพิ่มขึ้นมาที่ 70.1 จาก 69.0 ในเดือนสิงหาคมและดีกว่า 69.3 ที่นักวิเคราะห์คาด
ในสัปดาห์หน้า ข้อมูลการจ้างงานจะมีผลต่อความคาดหวังเรื่องดอกเบี้ย โดยการจ้างงานเดือนกันยายนกำหนดเผยแพร่ในวันศุกร์ หากการว่างงานเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ อาจส่งผลดีต่อเฟด เนื่องจากการดำเนินการผ่อนคลายนโยบายการเงินที่เข้มงวดส่วนหนึ่งเพื่อปกป้องตลาดแรงงานที่คลายความร้อนแรงลงบ้าง อย่างไรก็ตาม หากการจ้างงานแย่กว่าที่คาดไว้ อ็อาจจะมีเสียงวิจารณ์ว่าเฟดดำเนินการช้าเกินไปในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานเฟด นายเจอโรม พาวเวลล์ ในวันจันทร์นี้ เพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของเฟด
นอกจากนี้จะมีการรายงานผลการดำเนินงานของหลายบริษัท ทั้ง Nike, Carnival (CCL) และ Constellation Brands
ตลาดยุโรปปิดบวก จากการปรับขึ้นของหุ้นและกลุ่มที่มีธุรกิจในจีน หลังจีนประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายชุดในสัปดาห์นี้ โดยกลุ่มสินค้าหรูปรับขึ้นมากที่สุด
หุ้นกลุ่มต่าง ๆ ที่มีตลาดในจีน เช่น กลุ่มรถยนต์ และกลุ่มเคมีภัณฑ์ ปรับขึ้นมากที่สุด โดยเพิ่มขึ้นกว่า 2%
ธนาคารกลางจีนปรับลดอัตราดอกเบี้ยและอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบธนาคาร ในการระดมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนเพื่อดึงการเติบโตทางเศรษฐกิจกลับไปสู่เป้าหมายประมาณ 5% ในปีนี้
หุ้นบริษัทหรู LVMH และ Richemont เพิ่มขึ้น 3.7% และ 2.7% ตามลำดับ ส่งผลให้ดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าหรูหรา บวก 2.6% และเพิ่มขึ้นกว่า 13% ในรอบสัปดาห์นี้
อัตราเงินเฟ้อลดลงเกินคาดในสองประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของยูโรโซน ได้แก่ ฝรั่งเศส และสเปน ในเดือนนี้ และตลาดงานในเยอรมนียังคงคลายความร้อนแรงต่อเนื่อง ส่งผลให้ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จำเป็นต้องลดดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนหน้า
Goldman Sachs และ JPMorgan คาดว่า ECB จะส่งการปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมวันที่ 17 ตุลาคม
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 528.08 จุด เพิ่มขึ้น 2.47 จุด, +0.47% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และปรับตัวขึ้น 2.4% ในสัปดาห์นี้
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,320.76 จุด เพิ่มขึ้น 35.85 จุด, +0.43%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,791.79 จุด เพิ่มขึ้น 49.70 จุด, +0.64%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 19,473.63 จุด เพิ่มขึ้น 235.27 จุด, +1.22%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 51 เซนต์ หรือ 0.75% ปิดที่ 68.18 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 38 เซนต์ หรือ 0.53% ปิดที่ 71.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล