ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 260 จุด ข้อมูลเศรษฐกิจแกร่ง ผลการดำเนินงาน Micron สดใส

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดบวก ดาวโจนส์พุ่ง 260 จุด ดัชนี S&P500 ปิดที่ระดับ all-time high ใหม่ หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจแข็งแกร่ง และจากการปรับขึ้นของ Micron Technology หลังเปิดเผยผลการดำเนินงานดีกว่าคาด ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ WTI” ร่วง 2.02 ดอลลาร์ ปิดที่ 67.67 ดอลลาร์/บาร์เรล ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 26 กันยายน 2567 ปิดที่ 42,175.11 จุด เพิ่มขึ้น 260.36 จุด หรือ +0.62% หลังการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และจากการปรับขึ้นของ Micron Technology หลังเปิดเผยผลการดำเนินงานที่ดีกว่าคาด รวมไปถึงการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,745.37 จุด เพิ่มขึ้น 23.11 จุด, +0.40% ซึ่งเป็นการปิดที่ระดับ all-time high ใหม่ เป็นครั้งที่ 3 ในสัปดาห์นี้และเป็นครั้งที่ 42 ของปี
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,190.29 จุด เพิ่มขึ้น 108.09 จุด, +0.60%

หุ้น Micron Technology พุ่ง 14.7% หลังรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ของปีบัญชีดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดด้วยยอดขายที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์(AI) และคาดการณ์แนวโน้มโตรมาสปัจจุบันที่สดใส

ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของ Micron หนุนหุ้นบริษัทผลิตชิปรายอื่นๆ ปรับขึ้นด้วย โดยหุ้น AMD เพิ่มขึ้น 3.4% หุ้น Qualcomm เพิ่มขึ้น 2.4% หุ้น Intel พุ่งขึ้น 1.3%

ตลาดได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่รายงานล่าสุดซึ่งดีกว่าคาดซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯยังแข็งแกร่งและคลายความกังวลที่ว่าธนาคารสหรัฐ(เฟด)ลดดอกเบี้ยลงมากเพราะเศรษฐกิจชะลอตัว

กระทรวงแรงงานรายงานจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 4,000 ราย มาที่ 218,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน และต่ำกว่า 223,000 รายที่นักวิเคราะห์คาด บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังทรงตัว

กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2 ปี 2567ครั้งที่ 3 ว่า ขยายตัว 3.0% ซึ่งสอดคล้องกับการประมาณการครั้งที่ 2 จากที่ขยายตัว 1.4% ในไตรมาส 1

นอกจากนี้ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ในเดือนสิงหาคมทรงตัว จากที่เพิ่มขึ้น 9.9% ในเดือนกรกฎาคม และนักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 2.8%

ตลาดยังปรับขึ้นหลังจากคณะกรรมการกรมการเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์จีน (Politburo) ให้คำมั่นว่าจะเพิ่มการใช้จ่ายด้านการคลังเพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตได้ตามเป้าหมาย และจะดำเนินการเพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ประสบปัญหา

แม้กรมการเมืองไม่ได้ให้รายละเอียดการใช้จ่ายทางการคลัง แต่รอยเตอร์รายงานเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า กระทรวงการคลังกำลังวางแผนที่จะออกพันธบัตรรัฐบาลพิเศษมูลค่า 2 ล้านล้านหยวน (284 พันล้านดอลลาร์) ในปีนี้ และเงินจะถูกแบ่งเท่าๆ กันระหว่างการกระตุ้นการบริโภคและการช่วยเหลือรัฐบาลท้องถิ่นในการจัดการปัญหาหนี้

อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นของตลาดส่วนหนึ่งถูกจำกัดจากการร่วงลงของ Exxon Mobil และบริษัทน้ำมันและก๊าซอื่นๆ หลังราคาน้ำมันทรุดตัวลง จากรายงานของ Financial Times อ้างแหล่งข่าวว่า ซาอุดีอาระเบียกำลังเตรียมที่จะยกเลิกเป้าหมายราคาน้ำมันดิบอย่างไม่เป็นทางการที่ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

หุ้น Exxon Mobil ลดลง 1.7% หุ้น ConocoPhillips ลดลง 3.2%

ในการกล่าวสุนทรพจน์ช่วงเปิดการประชุมว่าด้วยตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เมื่อวานนี้นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ไม่ได้กล่าวถึงนโยบายการเงินหรือส่งสัญญาณถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ย

นักลงทุนยังรอการรางานอัตราเงินเฟ้อที่วัดจากรายจ่ายการบริโภคส่วนบุคคล(Personal Consumption Expenditures) ซึ่งเป็นมาตรการเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ให้ความสำคัญในวันศุกร์

ตลาดยุโรปปิดบวก โดยหุ้นที่เกี่ยวข้องกับจีน เช่น สินค้าหรูและเหมืองแร่นำการปรับขึ้น จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงรุกของจีน และหุ้นชิปก็ปรับตัวขึ้นตามการคาดการณ์รายได้ที่แข็งแกร่งของบริษัท Micron ในสหรัฐฯ

ดัชนี STOXX 600 เพิ่มขึ้น 1.3% ปิดที่ระดับ all-time high และห่างจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์แค่ 0.2%

ผู้นำจีนให้คำมั่นที่จะใช้จ่ายทางการคลังที่จำเป็น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ที่ประมาณ 5% ทำให้ตลาดมีความคาดหวังว่าจะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ นอกเหนือจากมาตรการที่ประกาศในสัปดาห์นี้

หุ้นกลุ่มสินค้าหรูที่มีตลาดในจีน ทั้ง LVMH และ Hermes ต่างเพิ่มขึ้นราว 9% ดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าหรูเพิ่ม ขึ้น 6.5%

กลุ่มเหมืองแร่เพิ่มขึ้น 4.3% จากราคาโลหะที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

กลุ่มเทคโนโลนีเพิ่มขึ้น 3% จากการปรับขึ้นของหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ หลังจาก Micron Technology คาดการณ์รายได้จากความต้องการ AI ที่สูงกว่าคาด

หุ้นพลังงานขนาดใหญ่ลดลง 3% จากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงกว่า 2%

ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25%

หุ้น Swatch Group พุ่งขึ้น 12.1% จากรายงานที่ระบุว่าบริษัทอาจถูกเพิกถอนจากตลาด

หุ้น Commerzbank ของเยอรมนี เพิ่มขึ้น 6.9% หลังจากที่ตอกย้ำกลยุทธ์จนถึงปี 2570 และกล่าวว่ามีเป้าหมายที่จะจ่ายเงินปันผลกว่า 90% ในช่วงปี 2568 ถึง 2570

หุ้น H&M ลดลง 4.6% ยกเลิกเป้าหมายอัตรากำไรในปี 2567

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 525.61 จุด เพิ่มขึ้น 6.47 จุด, +1.25%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,284.91 จุด เพิ่มขึ้น 16.21 จุด, +0.20%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,742.09 จุด เพิ่มขึ้น 176.47 จุด, +2.33%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 19,238.36 จุด เพิ่มขึ้น 319.86 จุด หรือ +1.69%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายนลดลง 2.02 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 67.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 1.86 ดอลลาร์ หรือ 2.53% ปิดที่ 71.60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล