‘วายุภักษ์’ ขายเข้าเป้า 1.5 แสนลบ.ลุ้น MSCI-FTSE เพิ่มพอร์ต ปลายปีทะลุ1500

HoonSmart.com>>บล.กรุงศรี-อาร์เอชบี ฟันธงหุ้นไทยยังไม่ถึงจุดอิ่มตัว ‘กรภัทร’มองเป้าปีนี้ 1,540 ปีหน้า 1,600-1,700 จากแรงซื้อต่างชาติเข้ามามากหลังจาก MSCI-FTSE กลับสถานะในเดือนพ.ย.และธ.ค. “ศราวุธ เตโชชวลิต”มองยังไม่ตกรถ รอซื้อแถว 1,400 ต้น ๆ มีโอกาสขึ้นไปขาย 1,560 ไตรมาส 4  รายย่อย-สถาบันแห่ซื้อ”วายภักษ์หนึ่ง”เข้าเป้า 1.5 แสนล้านบาท  ผู้ว่าธปท.ลั่นไม่จำเป็นต้องลดดอกเบี้ยตามเฟด  

นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามว่า ตลาดหุ้นไทยจะไปต่อได้อีกไกลแค่ไหน หลังจากขึ้นมาทดสอบระดับ 1,450 จุดแล้วพักเหนื่อย เช่นเดียวกับหุ้นสหรัฐ ท่ามกลางราคาสินทรัพย์โลกยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ทองคำ All Time High  ไม่หยุด  2,647.10 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์  บิทคอยน์ 63,204 ดอลลาร์ ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น นำโดยญี่ปุ่นขึ้นแรง +1.53% หลังเฟดปรับลดดอกเบี้ยลงแรงเกินคาด 0.5% ส่งสัญญาณลงแรงต่อเนื่องถึงปี 2569 ส่วนธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และธนาคารกลางจีน (PBOC) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติคงอัตราดอกเบี้ย

สำหรับธนาคารแห่งประเทศไทยหรือ ธปท. ผู้ว่าการฯ ลั่นไม่จำเป็นต้องลดดอกเบี้ยตามเฟด ยังคงเน้น 3 ปัจจัยในประเทศเป็นหลัก ภาพแนวโน้มยังไม่เปลี่ยน แต่ยอมรับเงินบาทแข็งค่าค่อนข้างเร็ว ปีนี้แข็งไปแล้ว 3.1% และผันผวนมากกว่าบางประเทศ แต่ไม่ได้ผันผวนมากที่สุดในภูมิภาค เช่น มาเลเซียผันผวนมากกว่า ส่วนเงินไหลออกปีนี้ 2,200 ดอลลาร์ น้อยกว่าปีก่อนที่  9,900 ล้านดอลลาร์

ด้านตลาดหุ้นไทยวันที่ 20 ก.ย.67 ดัชนีปิดที่ระดับ 1,451.69 จุด ลดลง 3.15 จุด หรือ -0.22% มูลค่าซื้อขาย 67,537.63 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างประเทศซื้อต่อ 1,399.32 ล้านบาท สถาบันซื้อด้วย 614.43 ล้านบาท แลกหมัดนักลงทุนไทยขายสุทธิ 2,089 ล้านบาท ส่วนค่าเงินบาทแข็งต่อใกล้หลุด 33 บาท/ดอลลาร์

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.กรุงศรี พัฒนสิน กล่าวว่า  หุ้นที่ปรับตัวลง กังวล FTSE Rebalance ในวันศุกร์คาดเงินจะไหลออกราว 60 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่เป็นผลแค่ช่วงสั้น ตลาดยังปรับตัวขึ้นไปได้อยู่ นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อไม่เต็มที่ ตลาดยังไม่อิ่มตัว แม้ช่วงนี้จะเห็นการพักตัวบ้าง แต่เป็นการพักเพื่อไปต่อ โดยมองเป้าหมายดัชนีฯปีนี้ไว้ที่ 1,540 จุด ซึ่งน่าจะไปได้ถึงเป้าหมาย ส่วนปีหน้าคาดดัชนีฯจะวิ่งไปถึง 1,600-1,700 จุด ในช่วงไตรมาส 1 คาดว่าจะมีแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามามากขึ้น

“นักลงทุนจะกลับสถานะ โดยในเดือนพ.ย.มอง MSCI จะกลับสถานะ และ FTSE เดือนธ.ค. จะเป็นแรงหนุนให้ตลาดฯ ปรับตัวขึ้นไปได้อีก บ้านเรายังไม่อิ่มตัว แม้จะมีพักบ้าง นักลงทุนยังสามารถเข้าซื้อได้อยู่ ไม่ตกรถ แม้ดัชนีฯ จะปรับขึ้นไปพอควรแล้ว เป้าปีนี้ 1,540 จุด น่าจะไปถึงได้ไม่ยาก” นายกรภัทร กล่าว

นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดอ่อนตัวลงเล็กน้อย จากแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ สลับแรงเก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง-เล็ก โยกไปกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม เป็นลักษณะสลับกลุ่มการเล่น  ราคาหุ้นยังไม่ค่อยขยับขึ้นไป ช่วงสั้นตลาดหุ้นจะตึงๆ บ้าง ก่อนเม็ดเงินลงทุนของกองทุนวายุภักษ์จะเข้ามาในช่วงต้นเดือนต.ค.นี้

“ตลาดตอนนี้ถือว่ายังไม่อิ่มตัว ถ้าหุ้นไม่ย่อต้วลง กองทุนวายุภักษ์จะไม่เข้าซื้อ  อีกทั้งมีคนซื้อหุ้นเก็งกำไรก่อนที่เม้ดเงินวายุภักษ์จะเข้ามา ก็ต้องขายทำกำไรออกไปก่อน สัปดาห์นี้อาจเห็นดัชนีเคลื่อนไหว Sideway Down มีโอกาสลงมาทดสอบ 1,410 จุด ดัชนีฯที่ลงมาแถว 1,400 จุดต้น ๆ มองเป็นจังหวะซื้อ มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นไปทดสอบ 1,560 จุดในช่วงไตรมาส 4  เน้นหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง, อิเล็กทรอนิกส์ และค้าปลีก น่าสนใจลงทุน เพราะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ คาดว่าจะชัดขึ้นในเดือนต.ค.นี้ และมีเม็ดเงินจากวายุภักษ์เข้ามาด้วย” นายศราวุธ กล่าว

สำหรับคำแนะนำนักลงทุนที่ต้องการจะเข้าซื้อหุ้นสามารถทำได้ ยังไม่ตกรถ ดัชนีฯยังมีโอกาสที่จะขยับขึ้นได้อีกมากกว่า 100 จุด การที่กนง.ยังไม่ปรับลดดอกเบี้ย ดึงเงินไหลเข้ามาได้ ตอนนี้ดัชนีฯอยู่แถว 1,400 จุดต้น ๆ ทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงต้นปี 2567 หากจะขึ้นไปแถว 1,560 จุด ไม่ใช่เรื่องแปลก แรงซื้อนักลงทุนต่างชาติยังถือว่าน้อยอยู่ และอาจมีขายออกมาบ้าง ซึ่งเงินที่เล่นอยู่ไม่ใช่เงินใหม่ เป็นเงินที่เข้ามาเพื่อ Cover Short แต่หากภาครัฐฯออกแผนกระตุ้นเศรษฐกิจชัดเจนเมื่อไร ก็จะมีเม็ดเงินใหม่เข้ามาในตลาด

นายศราวุธ กล่าวว่า หุ้นที่น่าสนใจลงทุนมองเป็นหุ้นขนาดกลาง-เล็กบางตัวที่ยังมี Upside ราว 10% และยังมีปัจจัยพื้นฐานดี กำไรเติบโต  เช่นหุ้น ICN, BBIK, BE8 ราคาหุ้นตอนนี้ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าปีที่แล้ว

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) คงคำแนะนำลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคาร เท่ากับตลาด เนื่องจากมีแรงกดดันจากการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยที่จำกัด ทั้งจากความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อใหม่ และ NIM ที่ต่ำลงเรื่อยๆ ตามทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย แต่ยังมีความน่าสนใจในเรื่องหุ้นปันผล เลือก KTB มูลค่าเหมาะสม 23 เป็น Top Pick ของกลุ่ม หนุนจากสินเชื่อภาครัฐที่เร่งตัวขึ้น และคาดให้อัตราผลตอบแทนปันผลราว 4% ส่วนในระยะยาวมองว่าเป็นหนึ่งในธนาคารที่จะได้ประโยชน์จากการเข้าสู่ธุรกิจ  Virtual Bank  โดยมี 4 กลุ่มยื่นขอใบอนุญาต

แหล่งข่าวจากวงการตลาดทุนกล่าวว่า  กองทุนวายุภักษ์หนึ่ง ประสบความสำเร็จในการขาย เมื่อปิดการจองซื้อวันที่ 20 ก.ย.2567  ทั้งประชาชนและนักลงทุนสถาบันให้ความสนใจครบตามเป้าหมายรวม 1.5 แสนล้านบาท เตรียมประกาศผลการจัดสรรแบบ Small lot First ในวันที่ 25 ก.ย.นี้   ปัจจัยที่ทำให้หน่วยลงทุนนี้ได้รับความสนใจ เนื่องจากมีกลไกการคุ้มครองเงินต้น และให้ผลตอบแทนขั้นต่ำ 3% ต่อปี และขั้นสูงไม่เกิน 9% ต่อปี มีการจ่ายปันผลอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เปิดโอกาสสร้างผลตอบแทนระยะยาว 10 ปี  และยังนำเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ด้วย  คาดจะนำเงินเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นประมาณเดือนต.ค.นี้