ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 522 จุด ขานรับเฟดลดดอกเบี้ย 0.50%

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดบวก ดาวโจนส์พุ่ง 522 จุด ปิดเหนือระดับ 42,000 จุดเป็นครั้งแรก ด้านดัชนี S&P500 นิวไฮ หลังเฟดลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปี จูงใจนักลงทุนเข้าลงทุนเพิ่มขึ้น ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ขึ้นต่อ ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 19กันยายน 2567 ปิดที่ 42,025.19 จุด เพิ่มขึ้น 522.09 จุด หรือ +1.26% เป็นการปิดที่เหนือระดับ 42,000 จุดเป็นครั้งแรก และดัชนี S&P500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากการปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี ของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จูงใจนักลงทุนให้ลงทุนเพิ่มขึ้น

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,713.64 จุด เพิ่มขึ้น 95.38 จุด, +1.70%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,013.98 จุด เพิ่มขึ้น 440.68 จุด, +2.51%

ในวันที่ 18 กันยายน ที่ผ่านมาเฟดประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินลงมาที่ 4.75%-5.00% จาก 5.25%- 5.5%

นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดกล่างในการแถลงข่าวหลังการประชุมว่า ไม่เห็นถึงความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่เศรษฐกิจจะถดถอย และเจ้าหน้าที่เฟดคาดการณ์(dot plot) ว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยอีก

นักลงทุนขานรับมากขึ้นว่า เฟดกำลังดูแลเศรษฐกิจให้ soft landing หลังจากการยื่นับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ที่แล้วลดลง 12,000 รายมาที่ 219,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน และต่ำกว่า 230,000 รายที่นักวิเคราะห์คาด

ทิโมทิ ชับบ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนของ Girard Advisory Services กล่าวว่า ไม่แปลกใจที่เห็นตลาดปรับขึ้นมาก จากที่ปรับขึ้นมาในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา บวกกับใกล้เวลาการรายงานผลการดำเนินงานที่เติบโต และมีหลายบริษัทที่จะได้รับประโยชน์จากการผ่อนคลายนโยบายการเงิน

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับขึ้นเพราะการลดดอกเบี้ยดึงให้นักลงทุนหันมาลงทุนมากขึ้น หุ้น
Nvidia และหุ้น AMD เพิ่มขึ้น 4% และ 6% ตามลำดับ หุ้น Micron Technology บวก 2.2% หุ้น Meta Platforms และหุ้น Alphabet เพิ่มขึ้น 3.9% และ 1.5% ตามลำดับ.

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อวาน สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติ (NAR) รายงานว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนสิงหาคมลดลง 2.5% เมื่อเทียบรายเดือน มาที่ 3.86 ล้านยูนิต และต่ำกว่า 3.92 ล้านยูนิตที่นักวิเคราะห์คาด

ตลาดยุโรปปิดบวก หลังธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ปรับลดดอกเบี้ย 0.50% และส่งสัญฐานการผ่อนคลายนโยบายการเงินอีก ทำให้มีความหวังมากขึ้นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะชะลอตัวแบบ
soft

ดัชนี STOXX 600 เพิ่มขึ้น 1.4% แตะระดับสูงสุดรอบกว่าสองสัปดาห์

ตลาดหุ้นในภูมิภาคพากันปรับตัวขึ้น โดยตลาดหุ้นเยอรมนีบวก 1.6% มาปิดที่ 19002.38 จุดซึ่งเป็นระดับ all-time high

หุ้นเทคโนโลยีซึ่งอ่อนไหวกับดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 3.5% ตามกลุ่มเดียวกันในตลาดหุ้นสหรัฐ กลุ่มเหมืองแร่บวก 3% จากราคาโลหะพื้นฐานส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นหลังเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยและดอลลาร์อ่อนค่าลง

แต่หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มเทเลคอมลดลงมากกว่า 1%

ในวันที่ 18 กันยายน ที่ผ่านมาที่ประชุมตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยเงินลงมาที่ 4.75%-5.00% จาก 5.25%- 5.5%

หลังจากการตัดสินใจของเฟด นักวิเคราะห์มีคำถามถึงการดำเนินการของ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในระยะต่อไป หลังจากที่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียงเล็กน้อย 0.25% ในเดือนมิถุนายนและกันยายน

ธนาคารกลางอังกฤษคงอัตราดอกเบี้ยไว้ 5.0% ในการประชุมวันพฤหัสบดี และยังระมัดระวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในอนาคต รวมทั้งยังไม่เร่งขายพันธบัตรที่ถือครองไว้ออกมา

ธนาคารกลางนอร์เวย์คงอัตราดอกเบี้ยไว้เช่นกันที่ 4.50% และระบุว่าการลดดอกเบี้ยครั้งต่อไปจะรอจนกว่าไตรมาสแรกปีหน้า

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 521.67 จุด เพิ่มขึ้น 7.08 จุด, +1.38%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,328.72 จุด เพิ่มขึ้น 75.04 จุด, +0.91%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,615.41 จุด เพิ่มขึ้น 170.51 จุด, +2.29%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 19,002.38 จุด เพิ่มขึ้น 290.89 จุด, +1.55%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 1.04 ดอลลาร์ หรือ 1.47% ปิดที่ 71.95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน พ.ย. เพิ่มขึ้น 1.23 ดอลลาร์ หรือ 1.67% ปิดที่ 74.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล