HoonSmart.com >> ตลาดหุ้นฟื้น หนุนไอพีโอ ยกทัพกลับเข้าตลาดหุ้น PMC เคาะราคา 1.82 บาท ให้ส่วนลดถึง 50% ของราคาที่นักวิเคราะห์ให้ ตั้งเป้า 3 ปี ขึ้นเบอร์ 1 ผู้นำสติ๊กเกอร์ของอาเซียน ….ส่วน PCE กำหนดช่วงราคา 2.08-2.28 บาท และ MPJ นับ 1 ไฟลิ่ง จ่อขาย 53 ล้านหุ้น
นางรัชดา เกลียวปฏินนท์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ 2 บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) ปรึกษาทางการเงิน และแกนนำจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย บริษัท พีเอ็มซี เลเบิล แมททีเรียลส์ (PMC) เปิดเผยว่า กำหนดราคาขาย PMC หุ้นละ 1.82 บาท พี/อี 17 เท่า และเป็นราคาที่มีส่วนลดให้นักลงทุน 50% ของราคาที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้สูงสุด 4.10 บาท ต่ำสุด 3.50 บาท หรือราคาเฉลี่ย 3.70 บาท
เปิดขายนักลงทุนทั่วไป 3-5 ก.ย.นี้ ผู้ถือหุ้นเดิม ซีลิค คอร์พ (SELIC) จองซื้อ 29 ส.ค. – 2 ก.ย. เข้าซื้อขายตลาด mai วันที่ 11 ก.ย.นี้
นายเอก สุวัฒนพิมพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีเอ็มซี เลเบิล แมททีเรียลส์ (PMC) กล่าวว่า การเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนจำนวนประมาณ 210 ล้านบาท เพื่อใช้ลงทุนในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับสายการผลิตใหม่ และชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน รวมถึงลงทุนขยายธุรกิจของบริษัทฯ ซึ่งรวมถึงการขยายศูนย์กระจายสินค้าในประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน เช่น อินโดนีเซีย และเวียดนาม สนับสนุนให้ PMC ก้าวสู่การเป็นผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายสติ๊กเกอร์เปล่าในภูมิภาคอาเซียน ภายใน 3 ปี
ปัจจุบัน PMC เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สติ๊กเกอร์ (Sticker) หรือฉลากกาว (Self-Adhesive Label) รายใหญ่ของประเทศ แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่ สติ๊กเกอร์กระดาษ สติ๊กเกอร์ฟิล์ม และสติ๊กเกอร์ชนิดพิเศษ จัดจำหน่ายสติ๊กเกอร์ให้แก่ลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผ่านการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย 2 แห่ง ได้แก่ PMC Label Materials PTE., Ltd. หรือ “PMCS” ในประเทศสิงคโปร์ และ PMC Label Materials (Malaysia) SDN. BHD. หรือ “PMCM” ในประเทศมาเลเซีย
สัดส่วนการจำหน่ายสินค้าในประเทศ 70% และต่างประเทศ 30% กว่า 15 ประเทศทั่วโลก ฐานลูกค้าหลักอยู่ในประเทศไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย และเวียดนาม
นายประกิต ประสิทธิ์ศุภผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ (PCE) กล่าวว่า บริษัท ฯ ประกอบธุรกิจปาล์มกว่า 40 ปี สร้างซัพพลายเชนต่อเนื่อง มีอีโครซิสเต็มครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ สร้างความแข็งแกร่งจากซัพพลายเชน
ธุรกิจ PCE ผ่านบริษัทย่อย 4 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย 1. ธุรกิจผลิต-จำหน่ายน้ำมันปาล์ม ไบโอดีเซล 2.คลังสินค้า-ท่าเทียบเรือ , 3.บริการขนส่งสินค้าทางรถ 4. ขนส่งทางเรือ
น.ส.กัญกร ประสิทธิ์ศุภผล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PCE กล่าวว่า รายได้หลักของ PCE มาจากธุรกิจเทรดดิ้ง-โรงกลั่นถึง 98% ของรายได้ และโลจิสติกส์ 1% เศษ มีรถขนส่ง 148 คัน ซึ่ง PCE เป็นผู้ส่งออกน้ำมันปาล์มรายใหญ่ของไทย คิดเป็น 35% ของการส่งออกของไทย
นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ (APM) ในฐานะที่ปรึกษาการเงิน PCE กล่าวว่า PCE มีความโดดเด่นเป็นผู้นำอุตสาหกรรมปาล์มครบวงจรรายใหญ่ของภาคใต้ ขับเคลื่อนด้วยซัพพลายเชนที่มีความพร้อมสูง ทั้งโรงงานผลิต ท่าเรือ ขนส่ง สามารถสร้างการเติบโตยั่งยืนของรายได้-กำไร จัดการความเสี่ยงได้ดีกว่าคู่แข่ง จากความพร้อมของซัพพลายเชน และเป็นผู้ส่งออกเบอร์ 1 น้ำมันปาล์ม ถือเป็นหุ้นที่มีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง
ทั้งนี้ PCE เสนอขายไอพีโอ 750 ล้านหุ้น พาร์ 1 บาท กำหนดช่วงราคาเสนอขาย 2.08-2.28 บาท เปิดจองซื้อ 30 ส.ค. 1-2 ก.ย. คาดเข้าซื้อขายในตลาด SET วันที่ 12 ก.ย.นี้
นายจีระศักดิ์ มานะตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็ม พี เจ โลจิสติกส์ (MPJ) กล่าวว่า MPJ เป็นผู้นำธุรกิจโลจิสติกส์แบบครบวงจร ที่มีประสบการณ์กว่า 16 ปี ให้บริการขนส่งทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ครอบคลุมการให้บริการขนส่งทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศ บริษัทมีจุดแข็งหลายประการคือ 1. เป็นบริษัทโลจิสติกส์ที่ให้บริการครบวงจร มีธุรกิจลานตู้คอนเทนเนอร์ และฟลีทรถบรรทุกขนาดใหญ่ 237 คัน 2. บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรด้วยตนเอง จึงควบคุมคุณภาพและบริหารต้นทุนได้ 3. มีลูกค้าหลักเป็นสายเรือชั้นนำต่าง ๆ และมีการร่วมทุนกับลูกค้าหลักคือกลุ่มของ OOCL ซึ่งได้แก่ สายเรือ OOCL และ COSCO ซึ่งเป็นสายเรือขนาดใหญ่ 4. ทำเลยุทธศาสตร์ ใกล้ท่าเรือแหลมฉบัง และอยู่ในเขต EEC และ 5. ทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์ในธุรกิจกว่า 20 ปี
“MPJ มีแผนจะเข้าระดมทุนเพื่อเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 53 ล้านหุ้น ในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ประมาณไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ เพื่อรองรับการขยายกิจการอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มีแผนจะนำเงินไปซื้อรถหัวลากหางพ่วงทดแทน ปรับปรุงลานตู้ และลงทุนอุปกรณ์ในลานตู้รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์และธุรกิจลานตู้ เป็นเงินทุนหมุนเวียนรองรับการลงทุนต่างๆ ในอนาคต พัฒนาระบบการบริหารจัดการทรัพยากรองค์กร (ERP) และชำระเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน ทั้งนี้ บริษัทฯ มีนโยบายที่จะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการ ” นายจีระศักดิ์กล่าว