HoonSmart.com>> บล.คิงส์ฟอร์ด มองแนวโน้มดัชนีทรงตัวรอคำวินิจฉัยคุณสมบัตินายกฯ ในช่วงบ่ายวันนี้ ด้านสหรัฐฯรายงาน PPI เดือนก.ค. ลดลงต่ำกว่าคาด หนุนเฟดมีโอกาส 55% ลดดอกเบี้ย 0.50% ประชุม 17-18 ก.ย.นี้ ติดตามดัชนี CPI วางแนวรับดัชนี 1,285 – 1,290 จุด แนวต้าน 1,310 – 1,315 จุด แนะทยอยซื้อกลุ่มบิ๊กแคป เป้าหมายกองทุนวายุภักษ์ซื้อเข้าพอร์ต ชี้เป้า SCB, TTB, KTB, PTT, BCP, GULF, ADVANC, AOT พร้อมเสิร์ฟหุ้นวันนี้ BEM, CPALL
บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,285 – 1,290 จุด แนวต้าน 1,310 – 1,315 จุด คาดดัชนีทรงตัวรอคำวินิจฉัยคุณสมบัตินายกฯ แนะนำทยอยซื้อกลุ่ม Big Cap.ที่อยู่ในข่ายการลงทุนของกองทุนวายุภักษ์ เช่น SCB, TTB, KTB, PTT, BCP, GULF, ADVANC, AOT
ประเด็นสำคัญบ่ายวันนี้ติดตาม ศาล.รธน.จะอ่านคำวินิจฉัยกรณีคุณสมบัตินายก ฯ เศรษฐา ซึ่งจะมีผลต่อเสถียรภาพรัฐบาลและการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะต่อไป
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ DJIA +1.04%, S&P500 +1.68%, Nasdaq +2.43% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี +3%, สินค้าฟุ่มเฟือย +2.4% หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเผย US PPI ก.ค. ลดลงต่ำกว่าคาด ส่งผลให้ CME Fed Watch ชี้โอกาส 55% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุม 17 – 18 ก.ย. และคาดปีนี้มีโอกาสลดดอกเบี้ยถึง 1% ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐ
ประเด็นสำคัญค่ำวันนี้ติดตามรายงาน US CPI ก.ค. คาดทรงตัวที่ 3.0% YoY และวันพฤหัสยอดค้าปลีกสหรัฐ ก.ค. คาด 0.4% และมิ.ย. 0% MoM
หุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ BEM (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 11.30 บาท) บริษัทรายงานกำไร 2Q67 อยู่ที่ 1 พันล้านบาท เติบโต +18%QoQ, +11%YoY แม้ว่าธุรกิจจะเข้าช่วง Low Season ทำให้จำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าและปริมาณรถใช้ทางด่วน -QoQ, +YoY แต่กำไรของบริษัทจะมีตัวช่วยหนุนจากเงินบันผลของ CKP และ TTW
ส่วนแนวโน้ม 3Q67 คาดกำไรปรับตัวขึ้นต่อจากจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าที่สูงขึ้น เพราะเป็นช่วงเปิดภาคเรียน และ BEM ปรับขึ้นค่าโดยสารสายสีน้ำเงินเฉลี่ย 1 บาท/เที่ยว ตั้งแต่ 3 ก.ค.67 รวมถึงจะมีเงินปันผลจาก TTW เข้ามาอีกก้อนหนึ่ง
ส่วนการลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสีส้มตะวันตกในส่วนของงานโยธามูลค่า 9.6 หมื่นล้านบาท และการลงทุนด้านระบบและขบวกรถมูลค่า 3.5 หมื่นล้านบาท กำลังเริ่มดำเนินการโดยมีกำหนดเปิดใช้บริการสีส้มตะวันออกก่อใน 71 และเต็มสายตะวันตกด้วยในปี 73 ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 67-68 ที่ 3.9 พันล้านบาท +12%YoY และ 4.29 พันล้านบาท +11%YoY
หุ้น CPALL (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย 75.50 บาท) กำไรสุทธิ 2Q67 อยู่ที่ 6,239 ล้านบาท (+40.58%YoY, -1.26%QoQ) สูงกว่า Bloomberg Consensus(5,847 ล้านบาท,+6.71%) โดยในส่วนของรายได้แข็งแกร่งต่อเนื่องที่ 240,948 ล้านบาท (+6.80%YoY, +2.83%QoQ) YoY QoQ ยังโตได้ดีจากการฟื้นตัวกำลังซื้อในประเทศ/นักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยไตรมาสนี้พระเอกยังคงเป็นร้านสะดวกซื้อ7-11 ที่ยอดขาย +9.7%YoY, +6.0%QoQ
ทั้งนี้ นอกจากรายได้ที่ดีแล้ว ปัจจัยหนุนกำไร มาจาก 1.Finance Cost ที่ลดลง YoY 267 ล้านบาท และ 2.การเน้นไปที่สินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงกว่า เช่น สินค้า Ready-to-Eat และเครื่องดื่ม ส่งผลให้ GPM เฉพาะ 7-11 สูงขึ้นYoY 60bps/ QoQ 30bps มาที่ 29.0% นอกจากนี้จากสัดส่วนของ 7-11 ที่สูงขึ้นเมื่อเทียบ Makro-Lotus ยังส่งผลให้ GPM รวมไตรมาสนี้ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 22.43%(YoY +46 bps, QoQ +14bps)