TOP กำไร Q2 เกินคาด 5,547 ล้านบ. พุ่งขึ้น 4 เท่า ครึ่งปีหลังโรงกลั่นไปต่อ

HoonSmart.com>>”ไทยออยล์” (TOP) เปิดผลงานไตรมาส 2/67 กำไรพุ่งขึ้น  396.54% เป็น 5,546.79 ล้านบาท  หนุนครึ่งปี 11,409.73 ล้านบาทโตกว่าเท่าตัว  มีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน 1,395 ล้านบาท หรือ 1.4 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล แนวโน้มธุรกิจโรงกลั่นครึ่งปีหลังดีขึ้น   บล.บัวหลวงมองกำไรสูงกว่าคาด 8% ไตรมาส 3 โตต่อ หนุนราคาหุ้น แนะซื้อให้เป้า  68 บาท

บริษัท ไทยออยล์ (TOP)  เปิดเผยผลประกอบการงวดไตรมาสที่ 2/2567 มีกำไรสุทธิ   5,546.79 ล้านบาท กำไรหุ้นละ 2.48 บาท เพิ่มขึ้น 4,429.70 ล้านบาท คิดเป็น 396.54% เทียบกับกำไรสุทธิ  1,117.09 ล้านบาท หรือ 0.50 บาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน ลดลงจากไตรมาสที่ 1 โดยรวม 6 เดือนแรกปีนี้กำไรทั้งสิ้น  11,409.73 ล้านบาท กำไรหุ้นละ 5.11 บาท เพิ่มขึ้น  101.19% จากกำไรสุทธิ  5,671.22 ล้านบาทหรือ 2.54 บาทต่อหุ้นในระยะเดียวกันของปีก่อน

ในไตรมาสที่ 2 กลุ่มไทยออยล์มีกําไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มรวมผลกระทบจากสต๊อกนํ้ามัน (Accounting GIM) อยู่ที่ 7.0 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และด้วยปริมาณวัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตอยู่ที่ 310,000 บาร์เรลต่อวัน โดยมีรายได้จากการขาย 119,639 ล้านบาท และ EBITDA 8,873 ล้านบาท เมื่อรวมค่าใช้จ่ายดําเนินงาน ต้นทุนทางการเงิน กําไรพิเศษจากการซื้อคืนหุ้นกู้ ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ และผลขาดทุนจากการวัดมูลค่ายุติธรรมเครื่องมือทางการเงิน

สําหรับ 6 เดือนแรกปีนี้  กลุ่มไทยออยล์มีกําไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มรวมผลกระทบจากสต๊อกนํ้ามัน (Accounting GIM) อยู่ที่ 8.7 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล มีรายได้จากการขายและ EBITDA จํานวน 233,877 ล้านบาท และ 19,822ล้านบาท ตามลําดับ เมื่อหักค่าใช้จ่ายดําเนินงาน ต้นทุนทางการเงิน กําไรพิเศษจากการซื้อคืนหุ้นกู้ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ และผลขาดทุนจากเครื่องมือทางการเงิน

นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ กล่าวว่า ในไตรมาสที่ 2/2567  เทียบกับไตรมาสแรก กำไรลดลงเล็กน้อย จากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับน้ำมันดิบดูไบได้รับแรงกดดันจากอุปทานที่ปรับเพิ่มขึ้นจากการเริ่มดำเนินการของโรงกลั่นในแถบแอฟริการวมถึงการส่งออกจากเอเชียไปยุโรป ทำได้ยากขึ้นด้านธุรกิจอะโรเมติกส์ปรับตัวดีขึ้นจากส่วนต่างราคาสารพาราไซลีนและสารเบนซีนกับน้ำมันเบนซิน 95 เพิ่มขึ้นจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงปลายฤดูร้อนของประเทศส่วนใหญ่ในภูมิภาคเอเชียที่นำไปใช้ในอุตสาหกรรมปลายน้ำสำหรับการผลิตขวดน้ำดื่มและอุปทานที่ตึงตัวจากการปิดซ่อมบำรุงประจำปีของผู้ผลิตสารอะโรมาติกส์ใน
ภูมิภาค

นอกจากนี้ธุรกิจผลิตสารตั้งต้นสำหรับผลิตภัณฑ์สารทำความสะอาดปรับตัวดีขึ้นหลังได้รับแรงหนุนจากความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ซักล้างที่เพิ่มขึ้นในช่วงฤดูร้อนของประเทศส่วนใหญ่ในภูมิภาคเอเชีย

สำหรับธุรกิจผลิตน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานปรับตัวลดลงจากส่วนต่างราคาของน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานและยางมะตอยกับน้ำมันเตาจากราคาน้ำมันเตาที่ปรับเพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันดิบในไตรมาส 2 สูงขึ้นจากไตรมาส 1 จากความกังวลเรื่องอุปทานน้ำมันดิบตึงตัวจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางที่ยังมีความไม่แน่นอน ประกอบกับกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันดิบโอเปกและพันธมิตร (OPEC+) ยังคงขยายระยะเวลาปรับลดกำลังการผลิตต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 3/2567 ส่งผลให้กลุ่มไทยออยล์มีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน 1,395 ล้านบาท หรือ 1.4
เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลและมีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มรวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมันอยู่ที่ 7.0 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ลดลง 3.5 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลจากไตรมาส 1

ส่วนภาพรวมธุรกิจโรงกลั่นในช่วงครึ่งหลังของปี มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสที่ 2 โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล ทั้งในช่วงฤดูกาลขับขี่ของสหรัฐฯการเดินทางทางอากาศที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและความต้องการใช้น้ำมันเพื่อทำความร้อน ทั้งนี้ค่าการกลั่นยังได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปคงคลังที่แม้จะเพิ่มขึ้น แต่ยังคงอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย 5 ปี

นอกจากนี้ ในช่วงเดือน ส.ค.-ต.ค.ตลาดยังคงจับตาสถานการณ์พายุเฮอริเคนในทะเลแอตแลนติกที่คาดว่าปีนี้จะมีจำนวนมากกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อทั้งอุปสงค์และอุปทาน

อย่างไรก็ตามการเปิดดำเนินการของโรงกลั่นใหม่ในแอฟริกาจะส่งผลกดดันให้ค่าการกลั่นปรับเพิ่มขึ้นในระดับที่จำกัด ขณะที่ความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลก เนื่องจากตัวเลขทางเศรษฐกิจทั้งสหรัฐฯ และจีนที่ไม่ดีนักอาจกดดันราคาน้ำมันดิบในครึ่งปีหลัง ทั้งนี้ไทยออยล์จะติดตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลกและสถานการณ์ตลาดอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวนต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นรวมถึงแสวงหาโอกาสในธุรกิจใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ Megatrends เพื่อต่อยอดไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืนระดับองค์กร 100 ปี ภายใต้วิสัยทัศน์“สร้างสรรค์คุณภาพชีวิต ด้วยพลังงานและเคมีภัณฑ์ที่ยั่งยืน”

ด้านบล.บัวหลวง ออกบทวิเคราะห์วันนี้ ว่า  TOP  มีกำไรไตรมาสที่ 2 สูงกว่าที่เราคาด 8% และสูงกว่าตลาดคาด 14 % เนื่องจากอัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงานน้ำมันหล่อลื่นที่มากกว่าคาดและรายได้อื่นที่สูงกว่าคาด

ส่วนแนวโน้มการเติบโตในไตรมาสที่ 3 ของกำไรหลัก ได้แรงหนุนโดยอัตราการใช้กำลังการกลั่นที่สูงขึ้นและค่าการกลั่นที่สูงขึ้น น่าจะเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาต่อไปได้ มูลค่าหุ้นอยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดย P/BV สิ้นปีนี้เพียง 0.06 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 1.3 เท่า จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 68 บาท