HoonSmart.com>> “เมืองไทย แคปปิตอล” (MTC) มอบโอกาสทางการเงินเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ไตรมาส 2/67 พอร์ตสินเชื่ออยู่ที่ 154,672 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.43% กำไรสุทธิ 1,444 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.33% รักษาคุณภาพลูกหนี้ (NPL) อยู่ที่ 2.88% ต่ำกว่าคาด “ปริทัศน์ เพชรอำไพ” มั่นใจปี 67 พอร์ตสินเชื่อโตตามเป้า 15-20% เตรียมขายหุ้นกู้ใหม่ 3 ชุด ดอกเบี้ย 4.30-4.95% ต่อปี นำเงินขยายพอร์ตสินเชื่อยกระดับคุณภาพการบริการในมาตรฐานสากลอย่างเท่าเทียม
นายปริทัศน์ เพชรอำไพ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) เปิดเผยว่า บริษัทมุ่งมั่นที่จะเติมเต็มโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในสังคมให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ลดความเหลื่อมล้ำทางการเงินตามเป้าหมายสหประชาชาติ ผ่านสาขากว่า 7,980 แห่ง พร้อมทั้งพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการภายใต้อัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม ยืนหยัดเป็นผู้ให้สินเชื่อที่รับผิดชอบต่อสังคมอย่างแท้จริง ส่งผลให้ในไตรมาส 2/2567 พอร์ตสินเชื่ออยู่ที่ 154,672 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.43% รายได้รวมอยู่ที่ 6,832 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.10% และกำไรสุทธิ 1,444 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.33% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ 6 เดือนแรกของปีนี้มีรายได้รวม 13,463 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.35% และกำไรสุทธิ 2,834 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.85% โดยบริษัทฯ มั่นใจว่าเป้าพอร์ตสินเชื่อจะเติบโตกว่า 15-20% ตามเป้าหมายที่วางไว้ ส่วนของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ 2.88% ซึ่งสามารถบริหารจัดการให้อยู่ในระดับไม่เกิน 3.20% ภายใต้นโยบายช่วยเหลือและพัฒนาคุณภาพลูกหนี้ รวมถึงการปล่อยสินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบ
ล่าสุด MTC เตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้ ครั้งที่ 7/2567 ซึ่งเป็นหุ้นกู้ชุดใหม่ 3 ชุด ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป ประกอบด้วย หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 2 ปี 4 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.30% ต่อปี หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี 3 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.80% ต่อปี และหุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 4 ปี 8 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.95% ต่อปี โดยหุ้นกู้ทั้ง 3 ชุดจ่ายดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ เสนอขายระหว่างวันที่ 16 และ 19 – 20 ส.ค. 2567 อันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ และหุ้นกู้อยู่ในระดับ Investment Grade ที่ “BBB+” แนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” โดยทริสเรทติ้ง เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2567 ซึ่งวัตถุประสงค์ในการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้รับไปขยายพอร์ตสินเชื่อของบริษัทฯ ที่ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน บริษัทฯยังคงให้ความสำคัญต่อการส่งมอบบริการที่มีคุณภาพและสิทธิในการเข้าถึงมาตรฐานบริการระดับสากลอย่างเท่าเทียม พัฒนากระบวนการปล่อยสินเชื่อตลอดห่วงโซ่ของกิจการ พร้อมทั้งรักษาผลประโยชน์และตอบสนองความคาดหวังของลูกค้าให้เกิดความประทับใจสูงสุด คำนึงผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน จนได้รับการประเมินการกำกับดูแลกิจการอยู่ในระดับ “ดีเลิศ” (5 ดาว) รวมถึงผลประเมินหุ้นยั่งยืน (ESG Rating) จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในระดับ A และผลประเมิน MSCI Index ในระดับ AA สะท้อนการเป็นผู้นำธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ในมาตรฐานระดับโลก (World-class Thai Microfinance)
บริษัท เมืองไทย แคปปิตอลได้ร่วมมือกับสถาบันการเงินระดับโลก อาทิเช่น องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) รัฐบาลเยอรมนี (KFW DEG) และยินดีที่จะระดมความร่วมมือกับแหล่งเงินทุนชั้นนำทั้งในและต่างประเทศอีกหลายแห่งในอนาคต เพื่อสร้างรากฐานทางเศรษฐกิจ ยกระดับคุณภาพชีวิต รักษาเสถียรภาพทางสิ่งแวดล้อม พร้อมเป็นที่พึ่งทางการเงินและเติบโตเคียงคู่สังคมไทยอย่างยั่งยืน