III เปิด Q2 กำไร 103 ลบ. รายได้โต 7.7% ปันผล 0.12 บาท/หุ้น

HoonSmart.com>>‘ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์’ (III) โชว์ไตรมาส 2/67  กำไรสุทธิ 102.75 ล้านบาท ชะลอตัวจากไตรมาสก่อน จากส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนลดลง รายได้รวม 538 ล้านบาท เติบโต 7.7%  4 ธุรกิจหลักยังโตต่อเนื่อง 3 ไตรมาส แม้เป็นโลว์ซีซัน ครึ่งปีแรกมีรายได้ 1,038 ล้านบาท กำไรสุทธิ 219 ล้านบาท คาดครึ่งปีหลังโตอย่างมีนัยสำคัญ จากไฮซีซัน  เดินหน้ายุทธศาสตร์ Logistics and Beyond เตรียมผสาน ANI สร้างบริการใหม่  ลั่นปีนี้รายได้โตมากกว่า 10% 

บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (III)ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ชั้นนำระดับภูมิภาค เปิดเผลผลการดำเนินงานงวด ไตรมาส 2/2567 มีกำไรสุทธิ 102.75 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.1313 บาท ลดลงจากที่ทำกำไรได้  157.81 ล้านบาท กำไร  0.2044 บาทต่อหุ้นในช่วงเดียวกันปีก่อน ชะลอตัวลง 11.9 % จากไตรมาสก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิ 116 ล้านบาท โดยรวม 6 เดือนปีนี้กำไรทั้งสิ้น 219.37 ล้านบาท หรือ 0.2802 บาทต่อหุ้น เทียบกับกำไรสุทธิ  301.71 ล้านบาทหรือ 0.3998 บาทในช่วงเดียวกันปีก่อน

นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์   กล่าวว่า ในไตรมาส 2/2567 บริษัทฯมีรายได้จากการขายและให้บริการรวม 538 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.7% เทียบกับจำนวน 499 ล้านบาท เนื่องจาก 4 ธุรกิจหลักเติบโตได้ดี แม้เป็นโลว์ซีซันของธุรกิจโลจิสติกส์ ส่วนกำไรสุทธิทำได้ 102 ล้านบาท

ส่วนกำไรที่ชะลอลงจากไตรมาสแรก เนื่องจากมีส่วนแบ่งกำไรที่ลดลงจากธุรกิจใหม่ที่บริษัทเข้าลงทุน โดยผลประกอบการของ ANI ได้รับผลกระทบจากพื้นที่ระวางสำหรับเส้นทางขนส่งต่อ (Transit) สู่ภูมิภาคยุโรป และอเมริกา ซึ่งมีความต้องการสูง แต่มีปริมาณพื้นที่ระวางในการให้บริการจำกัด ส่งผลทำให้เส้นทางขนส่งที่ให้บริการเป็นส่วนใหญ่อยู่ในภูมิภาคเอเชียซึ่งมีอัตรากำไรต่ำกว่าภูมิภาคยุโรป และอเมริกา ANI ได้วางแผนเพื่อเพิ่มศักยภาพในการรองรับความต้องการที่เกิดขึ้น โดยคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาสที่เหลือของปี

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยมาจากผลการดำเนินงานของบริษัท บริการภาคพื้นท่าอากาศยานไทย (AOTGA )ซึ่งเป็นผลกระทบเพียงระยะสั้นจากการลงทุนเพิ่มทั้งด้านการพัฒนาอุปกรณ์ต่างๆ และด้านบุคลากร เพื่อรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวและปริมาณเที่ยวบินที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในช่วงระหว่างไตรมาส 3 และ 4 ของปีนี้ รวมถึงโอกาสในการขยายธุรกิจและการให้บริการในอนาคต

ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2567 มีรายได้จากการขายและให้บริการรวม 1,038 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้ 878 ล้านบาท โดยปัจจัยหลักมาจาก 4 ธุรกิจหลักเติบโตต่อเนื่อง 3 ไตรมาสติดต่อกันนับจากไตรมาส 4/2566 โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจการขนส่งสินค้าทางอากาศ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากธุรกิจผู้ให้บริการรับจัดการขนส่งสินค้าทางอากาศระหว่างประเทศแบบขายส่ง (Wholesale Freight Forwarder) ที่บริษัทฯ มุ่งเน้นขยายการให้บริการรับจัดการขนส่งสินค้าแบบ Transit ในระดับภูมิภาคที่เติบโตตามการขยายตัวของตลาดสินค้า e-Commerce จากประเทศจีนและปริมาณความต้องการขนส่งสินค้าที่เพิ่มขึ้นจากประเทศในภูมิภาคเอเชีย

ด้านคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาลอัตราหุ้นละ 0.12 บาท รวมทั้งสิ้น 93,930,374.40 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 21 ส.ค. 2567

นายทิพย์ กล่าวถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งปีหลัง เติบโตจากครึ่งปีแรกอย่างมีนัยสำคัญ ทั้ง 4 ธุรกิจหลัก  โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจการขนส่งสินค้าทางอากาศ (Air Freight Business) จากการรับจัดการขนส่งสินค้าทางอากาศโดยมีประเทศไทยเป็นฮับของภูมิภาค โดยโฟกัสกลุ่มสินค้า e-Commerce และจากปัจจัยความกังวลเหตุความขัดแย้งในทะเลแดงที่ยังไม่คลี่คลาย มีส่วนผลักดันให้ค่าระวางขนส่งสินค้าทางอากาศปรับเพิ่มขึ้น ตลอดจนปัจจัยบวกจากช่วงครึ่งปีหลังที่เป็นไฮซีซัน

“แผนธุรกิจครึ่งปีหลังของบริษัทฯ ยังคงเดินหน้ายุทธศาสตร์ Logistics and Beyond โดยเตรียมพัฒนา Multimodal Transportation หรือการขนส่งสินค้าหลายรูปแบบ เพื่อเป็นศูนย์กลางขนส่งสินค้าทางอากาศในภูมิภาคที่รวบรวมสินค้าจากจีนและประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียนกระจายไปยังประเทศอื่นๆ ผ่านการ Synergy ระหว่างบริษัทฯ และ ANI ผู้นำธุรกิจตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบินในภูมิภาค เพื่อใช้ประโยชน์จากฐานลูกค้าและพื้นที่ระวางขนส่งสินค้าร่วมกัน รวมถึงศูนย์กลางขนส่งสินค้าทางรถบรรทุกเพื่อรับสินค้าจากจีน อินโดนีเซีย และมาเลเซีย มายังสนามบินสุวรรณภูมิ”นายทิพย์กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทฯ จะร่วมมือกับ ANI พัฒนา Cargo Airline หรือสายการบินสำหรับขนส่งสินค้าแบบเช่าเหมาลำ เพื่อตอบสนองดีมานด์การขนส่งสินค้าทางอากาศในเส้นทางที่มีอัตราทำกำไรสูง คาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ปลายปีนี้หรือต้นปี 2568 ซึ่งเร็วกว่าแผนเดิมที่วางไว้ เพื่อแก้ไขปัญหาพื้นที่ระวางสินค้าแบบ Transit สู่ภูมิภาคยุโรป และอเมริกา และบางเส้นทางในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งมีความต้องการพื้นที่ระวางสูงแต่มีไม่เพียงพอต่อความต้องการ และเป็นเส้นทางที่มีอัตราทำกำไรที่ดี

ส่วนบริษัท AOTGA ที่บริษัทฯ ลงทุนผ่าน บริษัท เอสเอแอล กรุ๊ป (ไทยแลนด์) หรือ SAL ได้เปิดให้บริการคลังสินค้ารองรับการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ (Multimodal Warehouse) ตั้งแต่วันที่  1ส.ค.ที่ผ่านมา บนพื้นที่เกือบ 5,000 ตารางเมตร ของศูนย์บริการศุลกากรเพื่อกระจายสินค้า (โซน 3) ในเขตปลอดอากรของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดย AOTGA ยังเตรียมยื่นประมูลการคัดเลือกผู้ให้บริการภาคพื้นดินของสนามบินสุวรรณภูมิรายที่ 3 ในเร็วๆ นี้

“เชื่อมั่นว่าผลประกอบการในปี 2567 จะเติบโตมากกว่า 10% โดยทริพเพิล ไอ ยังคงเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มธุรกิจด้วยยุทธศาสตร์ Logistics and Beyond ในรูปแบบการ Synergy ระหว่างบริษัทในกลุ่ม การร่วมทุนและเข้าซื้อกิจการ โดยเน้นพัฒนาการให้บริการโลจิสติกส์รูปแบบใหม่ทั้งในประเทศและภูมิภาคให้ครอบคลุมและหลากหลาย เพื่อเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการโลจิสติกส์ชั้นนำในภูมิภาคเอเชีย” นายทิพย์กล่าว